“ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย เข้ารายงานตัวที่โรงแรมโนโวเทล ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 29 พ.ค. 67 เพื่อเตรียมแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 กลุ่ม C ใน 2 เกมสุดท้าย วันที่ 6 มิ.ย. เยือนจีน และวันที่ 11 มิ.ย. เปิดบ้านพบ สิงคโปร์ ก่อนที่จะลงซ้อมมื้อแรกในช่วงเย็น ที่ บีจี เทรนนิง เซ็นเตอร์ 3 จ.ปทุมธานี

โดยทีมชาติไทยเดินทางมารายงานตัวกันอย่างพร้อมหน้า ทั้ง “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ก่อนหน้านี้มีอาการบาดเจ็บ, “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา หรือ “แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ขาดเพียง เอเลียส ดอเลาะ กับ “เช็ค” สุภโชค สารชาติ ที่ยังติดภารกิจกับต้นสังกัดเนื่องจากยังไม่เข้าช่วงฟีฟ่าเดย์ตามกฎ

สถานการณ์ตอนนี้ ก่อนเตะ 2 นัดสุดท้าย เกาหลีใต้ 10 แต้ม, จีน 7 แต้ม (ผลต่างประตูได้เสีย +1), ไทย 4 แต้ม (ผลต่างประตูได้เสีย -2) และสิงคโปร์ 1 แต้ม รอบนี้คัด 2 ทีมเข้ารอบ โดยโจทย์ของไทยคือต้องแซงจีนเพื่อติดอันดับ 2 ให้ได้ ดังนั้นการเยือนถิ่นมังกรควรต้องชนะ เพื่อลุ้นต่อในนัดสุดท้าย แต่ถ้าเสมอ ก็ยังมีโอกาสแม้จะลำบากมากก็ตาม และไทยจะตกรอบทันที ถ้าบุกไปแพ้จีน

“เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักเตะกำลังสำคัญ กล่าวว่า สภาพร่างกายดีขึ้นตามลำดับ เมื่อ 28 พ.ค. เพิ่งไปรักษาอาการกับแพทย์บีจี ให้ร่างกายพร้อมสุด แพทย์บอกว่าพัก 3-5 วัน ไม่ได้กังวลที่ซ้อมช้า เพราะอยากทำร่างกายให้ดีที่สุด ในการเจอจีนและสิงคโปร์ การเจอจีนเป็นคู่ชกมาตลอด ทั้งชนะ และแพ้ ในบ้านก็แพ้มา เป็นสิ่งที่เก็บในใจมาตลอด ตนเจ็บจากนัดนั้นด้วย อยากได้ 3 แต้มกลับมา สิ่งสำคัญคือไม่ประมาท ระดับเอเชีย เขี้ยวอยู่แล้ว ส่วนเรื่องตำแหน่งการยืน ที่ระยะหลังเล่นริมเส้นกับ บีจี นั้น มองว่าการเป็นนักฟุตบอล ไม่ว่าเล่นตำแหน่งไหนก็อยากทำผลงานให้ดี ช่วยทีมมากสุด ไม่มีตำแหน่งไหนที่ตอบได้ว่าอยากเล่นมากกว่า อยู่ที่โค้ชให้เล่นตำแหน่งไหน นอกจากนี้ เขายังตอบคำถามกับสื่อ ย้ำว่า การเล่นให้ทีมชาติสำคัญที่สุดในการเล่นฟุตบอล