สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่าวุฒิสภาสหรัฐมีมติในการประชุม เมื่อวันพฤหัสบดี ด้วยเสียงข้างมากฉิวเฉียด 50 ต่อ 48 เสียง ขยายเพดานการกู้ยืมระยะสั้นของรัฐบาลกลางออกไปจนถึงต้นเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐสามารถเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งกำหนดการรอบปัจจุบัน คือวันที่ 18 ต.ค.ที่กำลังจะถึง
ทั้้งนี้ แกนนำของพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันปฏิเสธเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ว่ามีการขยายเพดานหนี้เป็นวงเงินเท่าใด ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงจากทั้งสองพรรคให้ข้อมูลไปในทางเดียวกัน ว่ามีการขยายเพดานหนี้จาก 28.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 960.59 ล้านล้านบาท ) เป็น 28.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 977.50 ล้านล้านบาท ) เพิ่มขึ้นประมาณ 480,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 16.23 ล้านล้านบาท ) 
อย่างไรก็ตาม นายชัค ชูเมอร์ แกนนำของพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา และนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ แกนนำของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ยังมีความเห็นต่างกันในประเด็น "วงเงินตายตัวสำหรับเพดานการกู้ยืม" ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รมว.การคลังสหรัฐ เคยกล่าวว่า หากไม่สามารถขยายเพดานหนี้ได้ทันเวลา นอกจากรัฐบาลวอชิงตันจะผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ อัตราดอกเบี้ยที่สหรัฐต้องจ่ายเพื่อการกู้ยืมจะเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสินเชื่อครัวเรือน ประชาชนอาจตกงานเพิ่มขึ้น และความพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศจากวิกฤติโรคโควิด-19 จะไม่ประสบผล.

เครดิตภาพ : AP