นับเป็นควันหลงหลังโอลิมปิกปารีส 2024 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เมื่อประเด็นหน่วยงานต่อต้านการใช้สารกระตุ้นของสหรัฐอเมริกา (USADA) ยังคงถูกวิจารณ์อย่างหนักจากองค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (WADA) เนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่ตนเองได้กำหนดไว้
โดย WADA ได้ออกแถลงการณ์ในวันพุธที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา หลังจากรายงานของ Reuters ที่อ้างว่า USADA ได้อนุญาตให้นักกีฬาที่ตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้นลงแข่งขันได้ โดยไม่มีการลงโทษที่เหมาะสม ซึ่งการกระทำดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความยุติธรรมในการแข่งขันกีฬา
แม้ว่าเรื่องของการใช้สารกระตุ้นในกีฬาจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารกีฬา หน่วยงานต่อต้านการใช้สารกระตุ้น และรัฐบาลสหรัฐ กลับทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่สหรัฐ และ USADA ได้วิพากษ์วิจารณ์คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) และ WADA ในการอนุญาตให้ นักว่ายน้ำชาวจีนจำนวน 23 คน ที่ถูกตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้นก่อนการแข่งขันโอลิมปิกที่โตเกียวปี 2021 แข่งขันที่โตเกียวและปารีส แม้ทาง WADA IOC และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการชี้แจงอย่างชัดเจนก็ตาม
โดยในแถลงการณ์ที่ออกมานั้น WADA เปิดเผยกรณีที่ USADA ปล่อยให้นักกีฬาที่ตรวจพบสารกระตุ้นแข่งขันได้หลายปี โดยไม่แจ้ง WADA หรือประกาศการลงโทษ ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎขององค์กรเองและกฎของ WADA
WADA ระบุชัดเจนว่าหากได้รับแจ้ง WADA จะไม่มีวันอนุมัติการกระทำดังกล่าว นักกีฬาคนอื่นๆ ควรรู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าพวกเขาเคยแข่งขันกับผู้ที่ USADA รู้ว่าตรวจพบสารกระตุ้นแต่ยังปล่อยให้แข่งได้?
การกระทำเช่นนี้ของ USADA ถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ย้อนแย้ง เนื่องจาก USADA เรียกร้องความยุติธรรมจากองค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นอื่นๆ แต่ตัวเองกลับเงียบเฉยกับกรณีการใช้สารกระตุ้นเป็นเวลาหลายปี และปล่อยให้นักกีฬาที่ตรวจพบสารกระตุ้นแข่งต่อไปเพื่อหวังจับผู้ละเมิดกฎรายอื่นๆ
ทั้งนี้ WADA ตั้งคำถามว่า คณะกรรมการบริหารของ USADA ที่ดูแล USADA หรือสภาคองเกรสของสหรัฐ ที่ให้เงินทุนสนับสนุนหน่วยงานนี้ ทราบถึงการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามกฎเหล่านี้หรือไม่ สถานการณ์นี้ไม่เพียงแต่ทำลายความซื่อสัตย์ในกีฬาการแข่งขัน แต่ยังเสี่ยงต่อความปลอดภัยของนักกีฬาที่เกี่ยวข้องอีกด้วย