จากกรณีวัยรุ่นเจ้าถิ่นยกพวกล้อมบ้าน นายณัฐวุฒิ พึ่งฤกษ์ดี หรือ “บาส” วัย 21 ปี มีการขว้างปาสิ่งของเข้าบ้าน จนทำให้บาสซึ่งอยู่กับแฟนสาวแค่สองคนทนไม่ไหว คว้ามีดสปาต้าและมีดปลายแหลมวิ่งออกไปไล่แทง จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย และกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมขณะนี้นั้น

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ในรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ได้สัมภาษณ์เปิดใจบุคคลที่เกี่ยวข้อง ก้อย แฟนบาส, แม่อิ๋ว แม่ของบาส, หมอปลา มือปราบสัมภเวสี, ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ อ.ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ผู้ตรวจการอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด และ “คุณเอ” เพื่อนบ้าน

นายปรเมศวร์ กล่าวตอนหนึ่งว่า เอามุมมองนักกฎหมายทั้งหมดดีกว่า ตนพยายามศึกษาและค้นฏีกามานะ ที่บอกไปเคลียร์ฟันธงไม่ใช่ ถ้าเคลียร์ไม่ต้องเอาอะไรไปปาบ้านเขา สองฎีกาปี 53 น่าสนใจมาก ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุทำร้ายจำเลยก่อน เมื่อจำเลยพยายามหลีกหนีการต่อสู้โดยวิ่งหลบหนี แต่ผู้ตายซึ่งถือขวดยังวิ่งไล่ตามจำเลยและขว้างใส่จำเลย เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน เห็นชัดว่าเป็นการต่อเนื่อง อันนี้เป็นการกระทำ ก่อนไปเรื่องป้องกันหรือไม่ป้องกัน อยากให้ดูว่าบาสไปแทงไปฟันเขา เรื่องอาวุธมีด ตนว่าไม่ใช่พาอาวุธติดตัวไปโดยไม่มีเหตุ การตั้งข้อหาต้องตั้งให้เป็น ถ้าหมอปลาเดินถือมีดโดนแน่ แต่ถ้ามีเหตุร้าย ถือมีดออกไปไม่ผิดหรอกครับ

เมื่อถามว่า อ.ปรเมศวร์บอกว่าอันนี้เรียกว่ามีเหตุอันควรเลยต้องพกมีด เพราะกลุ่มนี้ไปหาเรื่องเขา แต่ตร.ไปตั้ง ไม่มีเหตุอันควร? นายปรเมศวร์ กล่าวว่า ตั้งไปตามสูตร สองเรื่องฆ่าคนตายกับทำร้ายร่างกาย ฆ่าคนตายไม่รู้บาดแผล แต่เจตนาฆ่าคือเจตนาฆ่า เจตนาทำร้ายคือเจตนาทำร้าย แต่คำถามที่สอง มีเหตุที่จะทำมั้ย มนุษย์มีสิทธิป้องกันตนเอง กฎหมายเขียนชัด ทุกคนมีสิทธิป้องกันอันตรายที่ เขวี้ยงมาในบ้าน มาทำร้าย เราไม่แน่ใจจะทำร้ายแฟนเขามั้ย ถ้าเหตุนั้นเป็นการป้องกันตัวอันสมควรแก่เหตุ น้องไม่มีความผิด ยิ่งถูกรุมทำร้ายเป็นการป้องกันแล้วล่ะ ตอนแรกคิดว่าจะบันดาลโทสะ

แต่กรณีนี้ไม่ใช่บันดาลโทสะ เป็นการป้องกันตัว คำถามที่สองพอสมควรแก่เหตุมั้ย หมายถึงหยุดยั้งได้มั้ย สมมุติมีกรณีคนถูกแทงเสียชีวิต ถ้าหยุดกระทำแล้วไปแทงอาจเกินกว่าเหตุ หยุดไม่ให้เขาทำร้ายเราก็จบ แต่ถ้าเกินกว่านั้นจะเกินกว่าเหตุ ถ้าไม่เกินกว่าเหตุ ไม่ผิด ทีนี้ติดใจอยู่อันนึง ป้องกันตัวเราไม่ได้เริ่ม เขาเริ่มนะ สองเป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่อง สามคือป้องกัน ที่ติดใจ ฝั่งโน้น 6-7 คนไม่โดนดำเนินคดีเลยเหรอ ซึ่ง ถ้าภาพปรากฏแบบนี้ ไปรุมทำร้ายเขา คุณต้องดำเนินคดี วันนี้สำนวนต้องตั้งแล้ว ว่าพวกนี้รุมก่อเหตุทำร้ายร่างกาย

เมื่อถามว่าตร.ตั้งหลักหรือเปล่า เมื่อวานขอโฟนอิน ผกก.ยังไม่โฟน? นายปรเมศวร์  กล่าวว่า ไม่ต้องตั้งหลักหรอก อันนี้พนักงานสอบสวนกล่าวโทษได้เลย เราชอบติดว่าไม่มีผู้เสียหายมาแจ้ง เราไม่ต้องรอให้เขาแจ้ง อะไรที่เป็นอันตรายต่อสังคม ตั้งข้อหาเลย ตนเรียนว่าคดีนี้ความยุติธรรมต้องเกิด ถ้าพนักงานสอบสวนสอบครบทุกปาก สอบป้า สอบคนส่งคลิป ตนว่าข้อเท็จจริงจะยุติได้ เรียนท่านทนาย ถ้าจะให้การก็ให้การให้ชัด ให้การเท่าที่เห็น ไม่ต้องต่อเติม ถ้าความจริงปรากฏในชั้นอัยการ อัยการอาจสั่งไม่ฟ้องได้ เพราะไม่เป็นการกระทำความผิด

เมื่อถามว่า หมายถึงไม่ติดเลยนะ? นายปรเมศวร์ กล่าวว่า  อาจไม่ติด เพราะกฎหมายมีสิทธิให้เราป้องกันตนเอง ภยันตรายมาถึงเขายังไม่ออกไป จนกระทั่งมีการทำลายทรัพย์สิน เริ่มบุกรุก ก็ไปป้องกันตัวเอง อันนั้นเป็นสิทธิมนุษย์ทุกคนพึงมี ไม่ใช่ให้เขามาตบหัวตบกะโหลก ต้องเข้าใจก่อน  ต้นทางกระบวนการยุติธรรมอยู่ที่พนักงานสอบสวน แต่แล้วแต่เหตุ ต้องสมดุลกันแล้วแต่เหตุ มีเหตุอันเหมาะสม อย่างลุงวิศวะ เขาบอกไม่สมเหตุสมผล ยิงเขาขึ้นฟ้าก็ได้ ไม่ต้องยิงที่คน อย่างลุงวิศวะศาลเขียนไว้หน่อยนึงว่าผู้ตายมีส่วนก่อขึ้นก่อน ถ้าน้องก่อขึ้นก่อน น้องปฏิเสธไม่ได้ แต่อันนี้น้องไม่ได้ก่อขึ้น ดูทีละช็อต ตนไม่รู้สำนวนทำยังไง แต่ความยุติธรรมทั้งหมดอยู่ที่พนักงานสอบสวน ถ้าคุณรวบรวมคลิปครบ พยานคุณป้า คนส่งคลิปพูด ผมว่าความยุติธรรมเกิด ผมไม่รู้บาดแผลเป็นยังไงนะ ต้องไปวิเคราะห์บาดแผล

‘บาส’กราบเท้าแม่-หมอปลา เล่านาทีฮึดสู้อริเจ้าถิ่นทำไปเพราะป้องกันตัว…

เมื่อถามอีกว่า เขาบอกบางคนโดนประมาณสิบแผล? นายปรเมศวร์  กล่าวว่า  เพราะมีการต่อสู้ การตั้งข้อหาฆ่าคนตายอาจตอนแทงคอหรือเปล่าไม่รู้แต่ข้อหาอื่นคือข้อหาทำร้าย ตนถึงบอกว่าอยากรบกวนพนักงานสอบสวน สอบให้ครบ ตั้งข้อหาทุกคนให้ครบ ต้องแจ้งให้ครบ มันร่วมกันอยู่แล้ว คน 6-7 คนจะยืนให้เขาชกเฉย ๆ เหรอ แค่กระทืบอย่างเดียวก็ตายแล้ว คำว่าพาอาวุธติดตัวโดยไม่มีเหตุ เหมือนแท็กซี่เอาไม้เบสบอลไว้ในรถ ถามว่านั่นอาวุธมั้ย พาไปทำไม พาไปเพื่อเป็นอาวุธ