เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรับร้องเรียนจาก นางสุจินต์ เข็มทอง หรือเจ๊จินต์ อายุ 53 ปี เจ้าของปั๊ม “เข็มทองปิโตรเลียม” เลขที่ 286 หมู่ 4 บ้านบางพระ ต.วังมะปราง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ริมถนนสายเขาวิเศษ-คลองชี อยากแจ้งเตือนภัยผู้ประกอบการค้า ปั๊มน้ำมัน ระวังหนุ่มลูกชายอดีต ส.อบต.แห่งหนึ่งใน จ.ตรัง สุดแสบใช้แบงก์พันกาโม่ จ่ายค่าน้ำมันเอาเงินทอนแล้วชิ่งหนี พร้อมให้ลูกชายเปิดหลักฐานกล้องวงจรปิดภายในปั๊ม ขณะชายดังกล่าวขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ 125 ไอ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน เข้ามาเติมน้ำมัน เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา

นางสุจินต์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุลูกสาววัย 14 ปี ที่มาช่วยงาน วิ่งมาบอกว่ามีคนนำแบงก์พันปลอมมาจ่าย จึงไปตรวจสอบวงจรปิดพบว่าชายดังกล่าวได้ขี่ จยย.ผ่านหน้าปั๊มพร้อมมองเข้ามาในปั๊ม คาดว่าเห็นลูกสาวซึ่งเป็นเด็กนั่งอยู่ที่หัวจ่ายคนเดียว จึงเลี้ยวรถกลับมาเติมน้ำมันไป 60 บาท โดยขณะเติมมีการหยิบเงินแบงก์พันพับเล็กๆ ออกมาโชว์ กระทั่งเติมเสร็จได้บอกกับลูกสาวว่าขอเงินทอนเป็นแบงก์ร้อย แต่ลูกสาวบอกไม่มีจึงบอกว่าเอาแบงก์ห้าร้อยก็ได้ แต่ไม่ยอมยื่นเงินให้ก่อน ตอนแรกลูกสาวก็ไม่เอะใจส่งเงินทอนไปให้ 940 บาท ก่อนรับเงินแบงก์พันมา จากนั้นชายคนดังกล่าวรีบขี่รถ จยย.ออกไปอย่างรวดเร็ว ลูกสาวจึงสงสัยรีบคลี่เงินพบว่าเป็นแบงก์กาโม่ดังกล่าว

นางสุจินต์ กล่าวอีกว่า ต่อมาลูกชายตรวจสอบเปิดภาพวงจรปิดนำภาพชายคนดังกล่าวไปโพสต์ลงเฟซบุ๊กติดตามหาตัว และมีพลเมืองดีแจ้งว่าลักษณะท่าทางชายในภาพ น่าจะเป็นลูกชาย อดีต ส.อบต.แห่งหนึ่ง โดยให้ที่อยู่ชื่อสกุลมาอย่างละเอียด พอตอนเช้าวันที่ 15 ต.ค. พวกตนจึงนำหลักฐานวงจรปิดและธนบัตรปลอมดังกล่าวเดินทางไปที่บ้านตามที่ได้รับแจ้งแต่เจ้าตัวไม่อยู่ พบเพียงพ่อและแม่ ซึ่งเป็นอดีต ส.อบต.ตรงตามที่ได้เบาะแสมา จากการพูดคุยและให้ดูหลักฐานทั้งสองยืนยันว่าเป็นลูกชายจริง ก่อนยื่นเงิน 1,000 บาท คืนมาให้ตน และบอกว่าที่ผ่านมาลูกชายสร้างความเดือดร้อนมาตลอด ไม่ค่อยจะอยู่บ้านเอาแต่เที่ยวเตร่ พร้อมขอบคุณตนที่ไม่ติดใจเอาความ

สาวเจ้าของปั๊ม กล่าวว่า หลังเกิดเหตุและโพสต์เฟซบุ๊กออกไป มีเพื่อนๆ ที่ประกอบการปั๊มน้ำมันในพื้นที่ต่างแจ้งเข้ามาว่าบุคคลดังกล่าวเคยไปก่อเหตุลักษณะเช่นนี้แล้วหลายปั๊ม รวมทั้งมีพฤติกรรมอ้างว่าน้ำมันรถหมด ขอยืมเงินเพื่อน หรือขอความช่วยเหลือชาวบ้านมาแล้วหลายราย จนมีคอมเมนต์หลายคนเข้ามาบอกขอให้ตนไปแจ้งความเอาผิด แต่ด้วยความสงสารเด็ก พร้อมทั้งผู้ปกครองก็ออกมารับผิดชอบแล้ว เลยไม่อยากติดใจเอาความ แต่ที่ออกมาร้องสื่อมวลชนเพราะอยากฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการอื่นๆ ทั้งปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ขอให้ตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะรับหรือทอนเงิน เพราะไม่รู้เลยว่าผู้ก่อเหตุรายนี้จะไปก่อเหตุซ้ำอีกหรือไม