เมื่อวันที่ 18 ต.ค. นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานีขอสนับสนุนให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่าดำเนินการโครงการก่อสร้างท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) ที่บริเวณแหลมหินคมต.ตลิ่งงาม อ.เกาะสมุย ที่มีการศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบเพื่อรองรับเรือท่องเที่ยวในภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย ซึ่งในปี 2561 มีเรือสำราญจากยุโรปและสิงคโปร์เข้าเกาะสมุย จำนวน 48ลำและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปี 2563 มีเรือสำราญขนาดใหญ่เส้นทางยุโรปอเมริกา และสิงคโปร์แจ้งเข้าเกาะสมุยเพิ่มขึ้นเป็น 64 ลำ มีความจุลำละ 2,000-6,000 คน แต่เข้ามาได้ส่วนหนึ่งเป็นช่วงเกิดระบาดโควิด-19 ต้องหยุดไปคาดว่า หลังสถานการณ์โควิดการท่องเที่ยวเรือสำราญจะกลับมาเดินทางอีกแน่นอน

นายวิชวุทย์ กล่าวต่อว่า เกาะสมุยเป็นจุดสำคัญในเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยวของประเทศไทยและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว โดยมีเรือสำราญต้องการเดินทางเข้ามายังเกาะสมุยปีละ 100 ลำ หรือ ไม่น้อยกว่า 300,000 คน จะเป็นการสร้างโอกาสเปิดประเทศอีกเส้นทางหนึ่ง ที่จะสามารถสร้างรายได้การท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศ ซึ่งเกาะสมุยยังไม่มีท่าเรือเพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่และพื้นที่บริเวณแหลมหินคม ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์การพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญ (CruiseTerminal) เนื่องจากมีร่องน้ำลึกที่เหมาะสมอยู่แล้วและมีแนวกันลมกันคลื่นขนาดใหญ่สามารถรับเรือเข้าเทียบได้ตลอดปี

ทั้งนี้ด้วยเกาะสมุยมีความจำเป็นจะต้องมีจุดรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมากรมเจ้าท่าได้จัดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นประชาชนเกาะสมุยเห็นด้วยว่า บริเวณแหลมหินคมมีความเหมาะสมที่สุดมีระดับน้ำลึกกว่า 20 เมตร และสร้างสะพานยาว 800 เมตร รองรับได้ ซึ่งที่ผ่านมาเกาะสมุยไม่มีท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ ทำให้เรือสำราญต้องลอยกลางทะเล โดยใช้เรือขนาดเล็กนำนักนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะเสียเวลา 3-4 ชั่วโมง ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มระดับสูงจากยุโรปอเมริกา รวมถึงนักท่องเที่ยวเอเชียที่ต้องการขึ้นเกาะ หากมีท่าเทียบเรือจะเป็นการอำนวยความสะดวกได้มาก

อย่างไรก็ตามสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ได้สำรวจข้อมูลไว้เมื่อปี 2558 ประเทศไทยมีตลาดเรือสำราญจากทั่วโลกเข้าประเทศ โดยจะมีนักท่องเที่ยวจำนวน 5 แสนคน ซึ่งจะทำรายได้ 3,500 ล้านบาทต่อปี และปี 2557กรมการท่องเที่ยวระบุว่า ภาคใต้สามารถดึงดูดเงินจากตลาดการท่องเที่ยวได้มากเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเป็นที่นิยมสูงและยังมีการใช้จ่ายในพื้นที่สูงกว่า 5.05 แสนล้านบาทต่อปี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปี 2555-2557 อยู่ที่ 30% แต่หากเจาะจงเฉพาะที่ อ.เกาะสมุย ในปี 2562 สร้างรายได้ 57,811.84 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน ทริปละ 12,132 บาท รองจากกรุงเทพฯอยู่ที่ 12,454 บาท ซึ่งการมีท่าเรือจะช่วยช่วยตอกย้ำจุดหมายทางทะเลชั้นนำของภาคใต้ และอาจสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย.