เมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 ก.ย. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีเพจเฟซบุ๊ก กู้ภัยแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์ ได้แชร์โพสต์ภาพเฟซบุ๊กรายหนึ่ง เป็นภาพผู้เสียชีวิตผูกคอปริศนา เพราะมือถูกมัดไพล่หลัง พร้อมข้อความระบุว่า “ฆาตกรรมรายวัน#สุรินทร์#กาบเชิง” ส่วนเฟซบุ๊กส่วนตัวของบุคคลที่โพสต์ ระบุข้อความว่า “ว.4 ฆาตกรรมมัดมือไพล่หลัง แขวนคอเสียชีวิตบริเวณบ้านกู่ ตำบลโคกตะเคียน อำเภอกาบเชิง ว.8 เพิ่มเติม วอศูนย์ศูนย์” ก่อนที่ชาวโซเชียลจะพากันเข้าไปคอมเมนต์ถึงความสงสัย ถึงสาเหตุการตายที่ผิดแปลกไปจากปกติ ที่คนผูกคอตายส่วนใหญ่จะไม่ผูกข้อมือตนเองก่อนผูกคอตาย และต่างสงสัยว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงหรือไม่ว่า ผู้ตายถูกฆาตกรรม และมีการแชร์ออกไปจำนวนมาก โดยทราบภายหลังว่า ผู้ตายคือนายอัด (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ชาว ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุทราบว่า เป็นยุ้งฉางข้าวของผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งไม่มีใครอยู่ เนื่องจากดึกแล้ว ชาวบ้านต่างปิดบ้านนอนกันหมด และพบไฟที่ยุ้งฉางข้าวยังเปิดอยู่ โดยจากการสังเกต พบอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันวางอยู่ในหลายจุด อาทิ กรรไกร ไฟแช็ก ซองยาเส้น กระติกน้ำ เสื้อผ้ากางเกงบางส่วน และพบเศษซากก้นบุหรี่ ที่เป็นกระดาษมวนบุหรี่ยาเส้น ที่ถูกทิ้งกองไว้อยู่เป็นจำนวนมาก
จากนั้นพบกับเยาวชนในพื้นที่ขี่รถ จยย. ผ่านมา เปิดเผยข้อมูลคร่าวๆ ว่า เท่าที่ฟังจากชาวบ้าน ทราบว่า ผู้ตายกลับมาอยู่บ้านได้ 2 ปี ก็ไม่เคยรู้จัก และทราบว่า มักชอบมานอนพักอาศัยอยู่ที่ยุ้งแห่งนี้เป็นประจำ ตอนทราบว่ามีคนตาย ก็ไม่ได้มาดู ชาวบ้านบอกว่าน่าจะตายมาได้ 2 วันแล้ว เริ่มมีกลิ่นแล้ว แต่ชาวบ้านบอกว่ามือถูกมัดไพล่หลังและผูกคอ เลยพากันสันนิษฐานว่าน่าจะถูกฆาตกรรม เพราะถูกมัดมือ ซึ่งถ้าฆ่าตัวตายไม่น่าจะมัดมือตัวเองได้
ต่อมา ผู้สื่อข่าวไป สภ.กาบเชิง พบ พ.ต.ท.สมบูรณ์ พรหมบุตร สว.(สอบสวน) เจ้าของคดี ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่า ได้รับแจ้งเมื่อเวลา 18.30 น. มีเหตุคนผูกคอเสียชีวิต จึงลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้นไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด จึงประสานแพทย์ประจำโรงพยาบาลกาบเชิง ชันสูตรพลิกศพและนำกำลังไปตรวจสอบสถานที่พบศพ เมื่อไปถึงพบศพ นายอัด สภาพกึ่งนั่งติดยุ้งฉางข้าว สวมเสื้อยืดแขนสั้น กางเกงยีน มีเชือกปอฟางผูกรัดคอ และเชือกรัดข้อแขนไพล่หลังทั้งสองข้าง แพทย์ประจำโรงพยาบาลกาบเชิง ร่วมชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุไว้แล้ว เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการตายในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้โทรศัพท์สอบถามพี่สาวของผู้ตาย ที่ทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัดเบื้องต้น ทราบว่า ผู้ตายกลับมาอยู่บ้านตัวคนเดียว ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร แต่เคยบ่นให้พี่สาวฟังว่า เมื่อเดือนก่อน ช่วงที่พี่สาวกลับมาร่วมงานศพของญาติ ผู้ตายเคยบอกว่า ”ตัวเองจะเป็นศพต่อไป” โดยไม่ทราบว่าทำไมน้องชายถึงพูดออกไปแบบนั้น กระทั่งมาทราบข่าวน้องชายเสียชีวิต พี่สาวผู้ตายจึงไม่ติดใจถึงสาเหตุของการตายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จะได้มีการทำการสืบสวนสอบสวนถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงว่า ผู้ตายถูกฆาตกรรม หรืออัตวินิบาตกรรมตนเอง ส่วนศพอยู่ระหว่างนำไปผ่าพิสูจน์สาเหตุการตายอีกครั้งที่ รพ.สุรินทร์
ทั้งนี้ ชาวบ้านต่างตั้งข้อสงสัยว่า หากไม่ได้ถูกฆาตกรรมจริง ก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ว่า ผู้ตายมีโอกาสป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้ ประกอบกับพบมีก้นบุหหรี่ มวนยาสูบที่ถูกสูบแล้ว ถูกทิ้งกองไว้อยู่เป็นจำนวนมาก ก็อาจเป็นไปได้ว่าผู้ตายอาจจะมีความเครียดสูง จากปัญหาส่วนตัว จึงตัดสินใจผูกคอลาโลก ด้วยการหาวิธีไม่ให้มือของตนเองไปแก้ปมเชือกที่คอ ตามสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต ระหว่างที่กำลังดิ้นทุรนทุรายและกำลังสิ้นลมหายใจ ก็เป็นไปได้ และจากการตรวจสอบเงื่อนปมที่ผูกข้อมือในเบื้องต้นของตำรวจ ก็พบว่าไม่ได้มีการผูกเงื่อนปมเชือกแบบตายตัว เป็นเพียงการพันม้วนเชือกเพื่อให้ข้อมือแน่นเท่านั้น ก่อนจะผูกคอตายดังกล่าว