น.ส.แจ็คกี้ หวาง ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย ของ กูเกิลประเทศไทย เปิดเผยว่า ยูทูบ ประเทศไทย ได้ครบรอบ 10 ปีในปีนี้ และยังเป็นแพลตฟอร์มวิดีโออันดับ 1 ในใจคนไทย โดยปัจจุบันคนไทยรับชมยูทูบมากกว่า 40 ล้านคน (อายุ 18 ปีขึ้นไป) และรับชมยูทูบผ่านทีวี 3 ชั่วโมงต่อวัน และผลสำรวจพบว่า หากเลือกได้ 1 แพลตฟอร์ม จะเลือกรับชมยูทูบ จากความน่าสนใจในคอนเทนต์ และครีเอเตอร์ และสามารถรับชมผ่านอุปกรณ์หน้าจอขนาดใดก็ได้ และมีคอนเทนต์ที่มีทั้งยาวและสั้นให้เลือกรับชม ขณะเดียวกัน สถิติรวมทั่วโลก ยูทูบ ชอต หรือวิดีโอแบบสั้น ก็มียอดวิว ถึง 7 หมิ่นล้านวิวต่อวัน และยูทูบพรีเมียม แบบไม่มีโฆษณาคั้น ก็มีคนสมัคร 100 ล้านคนทั่วโลก
“จากการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับ นีสสัน พบว่าโฆษณาบนยูทูบ มีประสิทธิภาพมากกว่าทีวีถึง 4 เท่ากลุ่มแฟนคลับ หรือแฟนด้อมทุกประเภท เข้ามาชมคอนเทนต์ที่เป็นการวิเคราะห์แบบเจาะลึกบนยูทูบ โดยเวลาในการรับชมคอนเทนต์ที่มีคำว่า “วิเคราะห์” อยู่ในชื่อวิดีโอ เพิ่มขึ้นกว่า 80% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่เวลาในการรับชมวิดีโอที่มีคำว่า “รีแอคชั่น” อยู่ในชื่อวิดีโอ เพิ่มขึ้นกว่า 40% ความสำเร็จดังกล่าว มีปัจจัยจากยูทูบ เป็นพื้นที่สำหรับแบ่งปันเรื่องราว สร้างชุมชน และสำรวจสิ่งที่ชื่นชอบ คนไทยไม่ได้เข้ามาที่ยูทูบเพื่อรับชมคอนเทนต์อย่างเดียว แต่ยังต้องการรับชมคอนเทนต์ที่นำเสนอผ่านมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ เสียงที่หลากหลาย และคอนเทนต์แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่หาไม่ได้จากที่อื่น และชุมชนของยูทูบ เกิดจากความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างครีเอเตอร์และแฟนๆ ยังทำให้เป็นฮับของผู้ชมที่มีส่วนร่วมมากที่สุดอีกด้วย”
น.ส.แจ็คกี้ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยูทูบกำลังจะเปิดตัว ยูทูบ ชอปปิง ในไทยในเร็วๆ นี้ ภายใต้ความร่วมมือกับ ช้อปปี้ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์การมีสิทธิ สามารถเข้าร่วมโปรแกรม ยูทูบ ชอปปิง อฟิลลิเอท ได้ โดยเมื่อครีเอเตอร์ลงชื่อสมัครใช้แล้ว จะสามารถติดแท็กผลิตภัณฑ์จาก ช้อปปี้ ในเนื้อหาของตนได้ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ชมในการเลือกซื้อสินค้าระหว่างที่รับชมเนื้อหาจากครีเอเตอร์คนโปรด นอกจากนี้จะมีการนำเอไอ มาช่วยครีเอเตอร์ในการผลิตคอนเทนต์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางยูทูบ ได้จัดงาน YouTube Works Awards จัดขึ้นโดยความร่วมมือกับ Kantar เพื่อยกย่องและมอบรางวัลให้แก่แคมเปญโฆษณาบน YouTube ที่โดดเด่น มีความสร้างสรรค์ และสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับปีนี้ ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดงาน “YouTube Works Awards Southeast Asia 2024” ซึ่งเป็นการมอบรางวัลระดับภูมิภาคที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยมีแคมเปญที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจำนวน 34 แคมเปญจาก 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ซึ่งได้ส่งผลงานเข้าร่วมชิงรางวัลใน 8 ประเภทด้วยกัน
และในปีนี้ แคมเปญจากไทยก็ยังคงเฉิดฉายในเวทีระดับภูมิภาค โดยคว้า 3 รางวัลมาครอง จากทั้งหมด 8 รางวัล ซึ่งรวมถึงรางวัลใหญ่อย่าง ‘Grand Prix’ ด้วย
- แคมเปญ Sammakorn NOT Sanpakorn รางวัล ‘Grand Prix’ และ ‘Best Brand Story’
- แคมเปญ Best Taste by Nescafé RTD รางวัล ‘Brands & Creators’
- แคมเปญ GrabFood The Greatest Knockout รางวัล ‘Master of Media’
แคมเปญอื่นๆ ที่ชนะรางวัล
- Sobat Hemat (อินโดนีเซีย) รางวัล Best of Google AI
- No Drama, Just Quality Used Cars (สิงคโปร์) รางวัล The Big Bang
- Pepsi Brings Tet Home: The Journey of Significance (เวียดนาม) รางวัล The Long & Short
- Don’t Know? Kasih No! (อินโดนีเซีย) รางวัล Force for Good
- Forgiveness (มาเลเซีย) รางวัล Best of Festive
Sapna Chadha, Vice President of Southeast Asia and South Asia Frontier, Google Asia Pacific กล่าวว่า YouTube เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์ต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยศักยภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม และด้วยจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 85% ในภูมิภาคนี้ที่รับชม YouTube ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้พวกเขาค้นพบครีเอเตอร์และคอนเทนต์ที่ชื่นชอบในรูปแบบที่หลากหลายผ่านอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงบนทีวี นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของผู้ชมบนแพลตฟอร์มยังส่งผลต่อประสิทธิภาพทางธุรกิจ ซึ่งผลสำรวจของ Kantar เผยว่า YouTube ช่วยกระตุ้นให้เกิดความตั้งใจในการซื้อสูงกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ถึง 2 เท่า ดังนั้น สำหรับภูมิภาคนี้ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลแล้ว YouTube จึงยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับแบรนด์ต่างๆ ในการสานสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายและสร้างความสำเร็จทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“YouTube Works Awards เป็นรางวัลสำหรับผู้นำในอุตสาหกรรมที่ช่วยหล่อหลอมอนาคตของการเล่าเรื่องราวของแบรนด์ เราขอแสดงความยินดีกับทุกแคมเปญที่ชนะรางวัลในวันนี้ ซึ่งล้วนเป็นผลงานคุณภาพที่สร้างสรรค์ เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ และยกระดับมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการ เราตั้งตารอที่จะได้ชื่นชมผลงานอันน่าทึ่งในปีต่อๆ ไป” Sapna กล่าว