เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการจัดการคดีตากใบของรัฐบาล ว่า ถ้าเราจะคลี่ปมความขัดแย้ง มันไม่ใช่แค่พูดแบบที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พูด ที่นั่งอยู่บนหอคอยแล้วมองลงมา เราใช้วิธีการแบบนี้มาได้ตลอด แบบที่ตอบตนในสภามาโดยตลอด ปัญหาก็คาราคาซังต่อไป ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ ว่าถ้าคุณอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย จะไม่มีกรณี 2 มาตรฐาน คุณจะได้รับความเป็นธรรมและความสำคัญ ตนเข้าใจดีว่าประเทศไทย มีปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า แต่เราต้องไม่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าปัญหาไหนสำคัญกว่ากันหรือเลือกปฏิบัติ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การตอบคำถามเรื่องคดีนี้ เป็นการตอบที่พรรคเพื่อไทยอยากเห็น ให้จบลงที่ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ รับจบไปเท่านั้น ซึ่งเรื่องคดีความ ใครจะรับผิดอย่างไรก็ต้องดำเนินการ แต่สิ่งที่มันต้องตอบให้ชัด ตกลงแล้วรัฐบาลไม่ได้มีหน้าที่อะไรเลยใช่หรือไม่ รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องใช้โอกาสนี้ในการสร้างความเชื่อมั่น และเราต้องไม่ลืมว่าเรื่องนี้จะมองแค่รัฐบาลนี้ไม่ได้ มันต้องมองย้อนกลับไปสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย เรารู้ว่าพรรคเพื่อไทยมีความเป็นมาอย่างไร ตอนเลือกตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ชูข้อความบนบอร์ดเองว่าพรรคเพื่อไทยมีความเป็นมาอย่างไร
“ผมถามว่าในวันที่เกิดเหตุการณ์ตากใบ จุดเริ่มต้นมันเริ่มตั้งแต่ตอนเช้าของวันที่ 25 ต.ค. 2547 คุณทักษิณให้สัมภาษณ์เองว่าตีกอล์ฟอยู่ ผมเข้าใจดีว่าวันนั้นเป็นวันหยุด คุณทักษิณมีสิทธิที่จะตีกอล์ฟ แต่เราต่างรู้ดีว่าเหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นหลังจากการปล้นปืน กรือเซะ มีความละเอียดอ่อนอย่างไร เมื่อเริ่มมีการชุมนุม คุณจะพักการตีกอล์ฟมาติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดไม่ได้เลยหรือ มากไปกว่านั้น ถ้าคุณรู้ว่าเรื่องนี้มันกินระยะเวลายาวนาน เมื่อมีการชุมนุม ควบคุมฝูงชนที่ค่อนข้างรุนแรง มีการประทะกัน และมีคนตาย คุณจะไม่สามารถทำหน้าที่อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า จากตอนเช้าจนถึงตี 1 ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ นายทักษิณ มีเวลาตั้งมากมายที่จะเข้าไปแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด จึงเป็นคำถามที่คาใจของสังคม ว่ารัฐบาลตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ไม่เคยให้ความสำคัญกับคนในพื้นที่ แล้ววันนี้ เขาก็กำลังรู้สึกแบบนั้นอีกแล้วกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่นำโดยจากเดิมที่เป็นพ่อ วันนี้เป็นลูกสาว ตนถึงคิดว่ามีความจำเป็น ถ้าต้องการดับไฟใต้ ต้องคลี่คลายปมนี้ เราพยายามพูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา พูดเพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนที่เขารู้สึก แต่สิ่งที่ได้รับคำตอบคือไม่ได้รับคำตอบ
“มันกลายเป็นว่าท่านต้องการที่จะโชว์ถึงวุฒิภาวะ พยายามทำตัวว่าใจเย็นจังเลย แต่เรื่องนี้ไม่มีคำตอบอะไรให้กับสังคมเลย การตอบของรัฐมนตรีอย่างมีวุฒิภาวะที่ดีที่สุด คือการตอบแบบมีเนื้อหาสาระ ปัญหาคือนายภูมิธรรม เป็นบุคคลที่ไม่มีวุฒิภาวะอะไรเลย ในการที่จะเป็นรองนายกฯ และดูแลความมั่นคง ไม่น่าเชื่อว่าตัวท่านเองจะเคยผ่านเหตุการณ์ที่รุนแรงมาก่อน แล้วปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป” นายรังสิมันต์ กล่าว.