สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ว่า นพ.บรูซ เอลวาร์ด ผู้ประสานงานโครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) แถลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่าวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 “จะยืดเยื้อยาวนานกว่าที่คิด” โดยมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่จะต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญ คืออัตราการฉีดวัคซีนในภาพรวมที่ยังคงต่ำ ปัจจุบัน ประชากรในทวีปแอฟริกาได้รับวัคซีนเข็มแรกยังไม่ถึง 5% เปรียบเทียบกับทวีปอื่น ที่อัตราการฉีดวัคซีนเข็มแรกคืบหน้าไปแล้วมากกว่า 40%


ทั้งนี้ นพ.เอลวาร์ดเรียกร้องกลุ่มประเทศร่ำรวยที่มีวัคซีนเพียงพอแล้ว ยกเลิก “การจองคิว” และการกักตุนวัคซีน เพื่อให้ผู้ผลิตวัคซีนจัดสรรวัคซีนเหล่านั้นไปให้ประเทศยากจนกว่า “ซึ่งมีความต้องการอย่างแท้จริง” และขอให้ “ปฏิบัติจริง” ตามคำมั่นสัญญา ว่าจะบริจาควัคซีนส่วนเกินของตัวเองให้แก่โครงการโคแวกซ์


ถ้อยแถลงดังกล่าวของ นพ.เอลวาร์ด เกิดขึ้นหลังมีรายงานเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ว่ารัฐบาลอินเดียยังคงไม่แจ้งจำนวนวัคซีนที่จะส่งมอบให้แก่โครงการโคแวกซ์อีกครั้ง แม้ทั้งสองฝ่ายประชุมร่วมกันเมื่อเดือนที่แล้ว และอินเดีย “ให้คำมั่น” การส่งมอบวัคซีนภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งเป็นผลจาก “ความขัดแย้ง” เรื่องกระบวนการขึ้นทะเบียนรับรองเป็นกรณีฉุกเฉิน ให้กับวัคซีน “โควาซิน” วัคซีนต้านโควิด-19 แบบเชื้อตาย ที่พัฒนาโดยบริษัทภารัต ไบโอเทค ผู้ผลิตสัญชาติอินเดีย.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES