จู่ๆ ก็เป็นกระแสดราม่าที่ถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์ หลังจากเหตุการณ์ในงานเปิดตัวละครหนึ่งในร้อย ที่มี “มีน พีรวิชญ์” และ “หลิงหลิง คอง” เป็นนักแสดงในเรื่อง ระหว่างที่ทีมงานนักแสดงให้สัมภาษณ์อยู่นั้น ก็มีช็อตที่มีนหยอกล้อหลิงหลิง ซึ่งหลายคนก็ชมความน่ารักนี้ แต่ก็มีชาวเน็ตบางส่วนดราม่ากับการกระทำดังกล่าวของหนุ่มมีน จนต่อมาเจ้าตนต้องออกมาชี้แจงผ่านโซเชียลส่วนตัวและระบุข้อความขอโทษแฟนคลับกับพฤติกรรมที่ดูไม่เหมาะสมนั้น
ล่าสุด หนุ่มมีน ได้ร่วมงานกาล่า ภาพยนตร์เรื่องธี่หยด2 ซึ่งหนุ่มมีนได้ออกมาเคลียร์ใจกัสื่อมวลชนถึงประเด็นดังกล่าว โดยเจ้าตัวเผยว่า “เรื่องดราม่าหลิงหลิง คือจริงๆแล้วเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ตั้งแต่ที่เราเห็นฟีดแบ็ก เราก็คุยกันในวงเล็กตอนนั้นว่า มันไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร แต่คือเรากลัวว่าคนจะมองเราหรือว่ามองงานของเราไม่ดีหรือว่ามองไม่เหมือนเดิม เราเลยต้องอธิบาย เพราะว่าเข้าใจทุกคนมากๆ ว่ามันก็มีโอกาสที่ภาพในช่วงวินาทีสั้นๆ ที่มันถูกตัดต่อ ถูกยืด มาแค่ ณ โมเมนต์ในจังหวะนั้น มันอาจทำให้คนเข้าใจผิดได้ เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่การเคลียร์ดราม่าหรืออะไร แต่มันเป็นการอธิบายในมุมมองของเรา และก็โชคดีที่เจอกับหลิงหลิงพอดีในวันนั้น เราก็มีการพูดคุยกัน ก็ถ้าถามผมผมว่า ฟีดแบ็กมันก็ดีอยู่แล้วครับ ผมก็ไม่อยากให้คนเข้าใจผิด หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น หลิงหลิงก็เครียดมากเลยครับ เราก็เกรงใจเขาเหมือนกันนะ พอหลิงหลิงเห็นเรื่องพวกนี้เขาก็ทักมาหาเรา เราก็เลยบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของหลิงหลิง และก็ไม่ใช่ความผิดของใครเลย มันอยู่ที่มุมมองหรือว่าอยู่ที่เรื่องราวมันถูกถ่ายทอดออกไปแค่นั้นมากกว่า แต่ว่าที่เราต้องพิมพ์ X (ทวิตเตอร์) เพราะว่าเราป้องกันการเข้าใจผิด เราไม่อยากให้คนเข้าใจผิดจริงๆ เท่าที่เห็นก็อาจจะยังมีคนไม่เข้าใจ เขาอาจจะยังไม่เห็นบทสัมภาษณ์เรา ไม่ได้เห็นว่าเราไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น ไม่ได้เห็นว่าเรื่องราวจริงๆเป็นอย่างไร ก็อาจจะเกิดการตีความที่มันเป็นแบบที่เขาคิดไปได้ ผมก็หวังหลายคนจะได้เห็นในคลิปนี้ คือตอนแรกก็ค่อนข้างกังวลครับ พอเห็นฟีดแบ็กแล้วกลายเป็นว่ามีคอมเมนต์เชิงว่า โอ้ยไม่อยากดูเรื่องนี้ (หนึ่งในร้อย) แล้ว รู้สึกไม่ดีเลย ทั้งๆที่แบบพี่ต่อ พี่ญ่า หรือทุกๆคน ตั้งใจทำงานนี้มาก เราก็ไม่อยากให้งานนี้มันมาเสียเพราะเรานะ ถ้าเกิดการที่เราเงียบไปแล้วเขาคิดแบบนั้นจริงๆ อย่างน้อยการที่เราได้อธิบายแล้ว มันอาจจะมีคนที่เข้าใจเราก็ยังดีกว่าไม่พูดอะไรเลย
หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ก็เรียกได้ว่าต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะว่าเราไม่สามารถทำทุกอย่างได้แบบถูกใจทุกคน และก็สิ่งที่เราทำมันอาจจะถูกตัดทอนออกมาแล้วมันอาจจะดูไม่ดีได้ ปกติก็เป็นคนขี้เล่นอยู่แล้ว ผมคิดว่าสุดท้ายการทำงาน เราon process โปรดักชั่นนึง เราใช้เวลากันเป็นปีๆ เราอยู่ด้วยกันสนิทกันเรามีกิจกรมมร่วมกันทั้งนอกกองในกอง เรารู้สึกว่าการสนิทกันมันเป็นสิ่งที่ดีกว่า ฉะนั้นเราก็ต้องสนิทกันเหมือนเดิม ไม่งั้นเราคงทำไม่ได้แน่ๆ ถามว่าในความสัมพันธ์จะเกร็งไหม ก็ไม่เกร็งหรอกครับ แต่ถ้าเรามาเจอหน้ากันหรืออยู่ต่อหน้าสื่อ อะไรที่เซฟไว้ก่อนได้ก็อาจจะเซฟไว้ก่อนบ้าง ส่วนเรื่องนี้พี่แอนไม่ได้ว่าอะไรเลย ผู้ใหญ่ทุกคนเข้าใจมากๆ หลายๆคนก็บอกเราว่าไม่ต้องซีเรียส ไม่ต้องมองเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรารู้สึกว่าเทคจริงจังไว้ก่อนน่าจะดีกว่า สำหรับทุกคน เราก็บอกผู้ใหย่ปประมาณนั้น ถามว่าถ้าฟีดแบ็กละครดี ดีใจไหม คือถ้าฟีดแบ็กละครดีอย่างเดียวแล้วไม่มีดราม่าจะดีใจกว่าครับ(หัวเราะ) ส่วนในมุมของละครก็ดีใจมาก ที่มันตอบสนองต่อคนดู เราหวังว่าถ้าวันนึงพาร์ตของเราเข้มข้นขึ้น คนดูก็จะชื่นชอบแล้วก็มองข้ามดราม่าเรื่องก่อนหน้านี้ไป เพราะว่าสุดท้ายแล้วผมกับหลิงหลิงก็ทำงานด้วยกันในฐานะพาร์ตเนอร์กันตลอดทั้งเรื่องเหมือนกัน”