สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ว่าจากกรณีกระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักรเสนอรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกี่ยวกับ เชื้อไวรัส “เอวาย.4.2” (AY.4.2) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของเชื้อไวรัสเดลตา หรือหลายคนเรียก “เดลตาพลัส” ว่ามีผู้ติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มขึ้น คิดเป็น 6% ของสถิติผู้ป่วยสะสมทั้งหมดในสหราชอาณาจักร แต่ ณ เวลานี้ ยังไม่ถือว่า เป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวลนั้น


ศ.เซอร์ แอนดรูว์ พอลลาร์ด หัวหน้าคณะทำงานด้านวัคซีนของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ซึ่งทำหน้าที่ทดสอบทางคลินิกของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แอสตราเซเนกา/ออกฟซอร์ด กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่าแน่นอนที่การค้นพบเชื้อไวรัสย่อยเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญ ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องจับตา อย่างไรก็ตาม ชุดข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ตอนนี้ บ่งชี้ว่า ยังไม่มีความเป็นไปได้ที่เชื้อเอวาย.4.2 จะเข้ามาแทนที่เชื้อเดลตา หรือ “บี.1.617.2” (B.1.617.2)


อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เชื้อเอวาย.4.2 สามารถแพร่ระบาดจนกลายเป็นสายพันธุ์หลักแทนที่เชื้อเดลตาได้จริง โดยที่เชื้อเดลตานั้นยังคงแพร่ระบาดได้ดีท่ามกลางกลุ่มประชากรที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว เชื้อสายพันธุ์ย่อยชนิดใหม่นี้อาจเจาะระบบภูมิคุ้มกันได้ดีกว่านั้น แต่ ศ.พอลลาร์ดกล่าวว่า โดยส่วนตัวเขาไม่คิดว่า เชื้อเอวาย.4.2 จะสามารถเปลี่ยนแปลงระดับความรุนแรงของสถานการณ์ที่มนุษย์กำลังเผชิญ.

เครดิตภาพ : REUTERS