สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ว่านายอาเมียร์ เซอิด อิราวานี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) กล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ตอบว่า “เข้าใจ” การที่ผู้สื่อข่าวซักถามเกี่ยวกับแนวทางของอิสราเอล ที่ต้องการตอบโต้อิหร่าน ซึ่งยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น “เป็นการยั่วยุและน่าวิตกกังวล”
ดังนั้น รัฐบาลวอชิงตัน “ต้องรับผิดชอบ” กับบทบาทของตัวเอง ในการ “ยุยุงส่งเสริม และกระตุ้นให้อิสราเอลก้าวร้าวกับอิหร่าน” ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎบัตรของสหประชาชาติด้วย
ขณะที่สื่อท้องถิ่นหลายแห่งของสหรัฐรายงาน โดยอ้างเป็น เนื้อหาบางส่วน “จากเอกสารลับที่เล็ดลอดออกมา” ว่าเป็น “ข้อมูลอ่อนไหว” ซึ่งอิสราเอลส่งให้กับรัฐบาลวอชิงตัน มีเนื้อหาสำคัญเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินทางทหารบางส่วน เพื่อเตรียมความพร้อมตอบโต้อิหร่าน จากเหตุการณ์ยิงขีปนาวุธ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา และมีการเน้นว่า อิสราเอล “จะยกเว้น” โครงสร้างพื้นฐานด้านนิวเคลียร์และน้ำมันของอิหร่าน
อย่างไรก็ดี เนื้อหาของเอกสารอีกส่วนระบุเกี่ยวกับ “แนวทางการโจมตี” โดยแบ่งเป็นสองหัวข้อหลัก คือ “กองทัพอากาศอิสราเอลยังคงเตรียมการโจมตีอิหร่าน และมีการซ้อมรบ รวมถึงการระดมกำลังทหารครั้งใหญ่เป็นครั้งที่สอง” อีกทั้งมีการอธิบายเกี่ยวกับ “การจัดการ” ระบบขีปนาวุธนำวิถี และขีปนาวุธที่ยิงจากอากาศสู่พื้น
ส่วนอีกหัวข้อหนึ่งเกี่ยวกับ “การที่กองทัพอิสราเอลยังคงเตรียมการด้านยุทโธปกรณ์ และการใช้อากาศยานไร้คนขับแบบโจมตี” ซึ่งมีแนวโน้ม “เกือบแน่นอน” ว่ามีเป้าหมายคือการโจมตีอิหร่าน
ด้านนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า มีการตั้งคณะทำงานเพื่อเร่งตรวจสอบที่มาที่ไป ว่าสื่อมวลชนมีเอกสารได้อย่างไร ขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ “แสดงความวิตกกังวล” ส่วนอิสราเอลยังปฏิเสธให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ.
เครดิตภาพ : AFP