เป็นที่จับตาของสังคม ในคดี นายวิรัช แซ่เฮ้ง อายุ 37 ปี พ่อเลี้ยงอำมหิต ทรมานและทำร้ายร่างกาย ด.ช. วัย 8 ขวบ ลูกเลี้ยงของตนเองในบ้านพักพื้นที่เขตเทศบาล ต.หนองแค อ.หนองแค จ.สระบุรี ด้วยการจับมัดแล้วเฆี่ยนตีด้วยสายไฟ ก่อนเตะซ้ำอย่างทารุณ แถมบังคับให้กินปัสสาวะและอาเจียนของเด็กเอง จนเด็กบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต ภายหลังเกิดเหตุสลด ตำรวจติดตามจับกุม นายวิรัช ได้ ที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีริขันธ์ ขณะหลบหนีกลับบ้านเกิดที่ จ.สงขลา ก่อนคุมตัวมาดำเนินคดี ขณะที่ แม่แท้ๆ ของเด็ก ที่อยู่ในบ้านเช่าทาวน์เฮาส์ชั้นเดียวแคบๆ จะไม่รู้เชียวหรือว่า “ลูกถูกทำร้าย” และไม่ห้ามสามี (ใหม่) ทำร้ายลูกตัวเอง อ้างว่า หากห้ามกลัวลูกถูกทำร้ายหนักยิ่งขึ้น และกลัวตัวเองถูกทำร้ายไปด้วย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ต.ค.2564 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

พ่อเลี้ยงซาดิสต์ มัดมือ ‘8 ขวบ’โยงขื่อ เฆี่ยนตัวลาย เอาฉี่กรอกปาก ตื้บดับคาเท้า

ญาติยัวะขั้นสุดบุกตบหน้าแม่ ปล่อย ‘ลูก8ขวบ’ โดนพ่อเลี้ยงทารุณฯจนสิ้นใจ

พ่อเลี้ยงซาดิสต์ทำหน้านิ่ง สารภาพทารุณกรรม 8 ขวบ พยายามหนีไปให้เพื่อนช่วย

ฮือประชาทัณฑ์ ‘พ่อเลี้ยงอำมหิต’ แฉไม่สลด ทรมานลูกเลี้ยง บังคับกินอ้วกด้วย

‘รองอธิบดีอัยการ’แนะวิธีแม่ช่วยลูกถ้าถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย เตือนไม่ช่วยอาจผิดถึงติดคุก

ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 ต.ค. นางจตุพร อาจคงหาญ อัยการจังหวัดสระบุรี พร้อมนายบุญเลิศ คงหอม ยุติธรรมจังหวัดสระบุรี นายปัณณวัฒน์ หนุนเพชร ผู้แทนบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสระบุรี ลงพื้นที่ สภ.หนองแค จ.สระบุรี ประชุมติดตามการทำสำนวนคดีดังกล่าว ของ พนักงานสอบสวน สภ.หนองแค โดยมี พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สภ.หนองแค และ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี รวมทั้ง นายศราวุธ สุวรรณจูฑะ นายอำเภอหนองแค เข้าร่วมประชุม โดยนำวิดีโอและภาพถ่ายที่เกิดเหตุ รวมถึงภาพการนำผู้ต้องหาไปชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ ประกอบคำบรรยายในที่ประชุม ใช้เวลาราว 40 นาที


จากนั้น นางจตุพร และคณะ เดินทางไปดูสถานที่เกิดเหตุ โดยมี พนักงานสอบสวน เจ้าของสำนวน และแม่ของ ด.ช. วัย 8 ขวบผู้ตาย นำชี้จุดเกิดเหตุ ทั้งนี้ นางจตุพร ได้ซักถามแม่ของ ด.ช. ถึงชีวิตความเป็นอยู่ภายในครอบครัว ประเด็นสำคัญคือ การกระทำของนายวิรัช ผู้ต้องหา ที่กระทำทารุณ กับ ด.ช. มานานเท่าใด และเพราะเหตุใด ผู้เป็นแม่แท้ๆ ถึงไม่ห้ามและแจ้งตำรวจ โดยเฉพาะในวันเกิดเหตุ ซึ่งทางผู้เป็นแม่ของเด็ก ตอบได้ไม่ชัดเจน อ้างแค่ว่ากลัวตัวเองถูกทำร้ายด้วย ขณะเดียวกันเพื่อนบ้านข้างเคียง เมื่อทราบว่า นางจตุพร และคณะลงพื้นที่ มาติดตามคดี ต่างพากันเข้าให้ข้อมูล และเปิดเผยพฤติกรรมของครอบครัวนี้เป็นจำนวนมาก ภายหลังเสร็จสิ้นการลงพื้นที่รวบรวมข้อมูล คณะของอัยการจังหวัดสระบุรี ได้เดินทางไปที่วัดหนองพระบาง สถานที่ตั้งศพ ด.ช. วัย 8 ขวบ โดย นางจตุพรได้เข้าแสดงความเสียใจ และซักถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก ยายและพี่สาวของเด็ก


นางจตุพร ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ว่า คดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญยุ่งยากซับซ้อนในการพิจารณา เนื่องจากมีการกระทำที่ต่อเนื่องหลายวันและเด็กได้รับความกระทบกระเทือนทางด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งจะต้องพิจารณาและดูให้ละเอียดรอบคอบ การมาดูที่เกิดเหตุทำให้ได้เห็นที่เกิดเหตุพื้นที่จริงๆ แล้วเป็นอย่างไร มันสอดรับกับคำให้การของพยานหรือไม่ สอดรับกับร่องรอยบาดแผล ที่แพทย์ได้ชันสูตรพลิกศพหรือไม่ มาดูไว้ก่อนเพื่อที่จะดูพยานหลักฐานอื่นๆ ในสำนวน ที่พนักงานได้สอบสวนมา ซึ่งวันนี้ก็ได้มาดูเพื่อนบ้านและสิ่งแวดล้อมว่า มันเป็นเพราะเหตุใดทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ ซึ่งมาวันนี้ทำให้ได้เห็นทุกอย่าง โดยเฉพาะจุดที่แม่ของผู้ตายได้พาเข้าไปดู นอกจากนี้ยังมีอีกหลายจุดหลายประเด็น เพราะจุดที่จากการสอบสวนที่ว่า ผู้ต้องหาจับเด็กผูกแล้วปล่อยทิ้งตัวลงมา ในจุดนี้ซึ่งพนักงานสอบสวนยังไม่ได้สอบในจุดนี้ ก็ได้ให้ไปสอบเพิ่ม

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า สังคมแคลงใจกันมากว่าทำไมแม่ไม่ห้าม ซึ่งอาจรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ นางจตุพร กล่าวว่า เมื่อได้เข้าไปดูในห้องที่เกิดเหตุ ไม่ได้ติดแอร์และมีบานเกล็ด ก็คิดว่าคนเป็นแม่ก็ต้องทราบ ส่วนจะมีดำเนินคดีหรือแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ กับแม่หรือไม่ ต้องขอดูหลักฐานในสำนวนของตำรวจให้ครบถ้วนก่อน พร้อมทั้งจะดูผลรายงานผลการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ ซึ่งบางอย่างเป็นความลับอยู่ในสำนวนการสอบสวน ยังไม่อาจจะพูดได้ คิดว่าพนักงานสอบสวน กับพนักงานอัยการจะมีความคิดเห็นคล้ายๆ กัน เนื่องจากได้มีการประชุมกันแล้ว


ขณะที่ นายบุญเลิศ ยุติธรรมจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า ในส่วนของยุติธรรมจังหวัด ได้ยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือโดยแนะนำให้ญาติ ดำเนินการยื่นเรื่องขอรับการช่วยเหลือตามสิทธิ สำหรับผู้เสียชีวิตที่ถูกกระทำ ตามสิทธิจะได้รับเงินชดเชย ราว 1.1 แสนบาท
ส่วนผู้แทนบ้านพักเด็กและครอบครัว (พม.) จ.สระบุรี นั้น จะเข้ามาดูแลให้การช่วยเหลือเยียวยาทางด้านสวัสดิการต่างๆ เบื้องต้นได้รับการร้องขอจาก ผู้เป็นยายและพี่สาวของผู้ตาย ขณะนี้ สองแม่ลูกถูกกดดันและเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหนัก หลังเสร็จงานศพจะรีบย้ายบ้านทันที ในชั้นนี้ต้องการเข้าพบจิตแพทย์มากที่สุด เพื่อขอคำปรึกษาปัญหาชีวิต