เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ที่อยู่ระหว่างการร่วมคณะนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง (จีเอ็มเอส) ครั้งที่ 8 ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่างไม่เป็นทางการ ภายหลังผลการนับคะแนนการเลือกตั้ง ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และตัวแทนผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ได้ 267 คะแนน พร้อมประกาศชัยชนะ ว่า แม้ผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไม่เป็นทางการ แต่ขณะนี้สามารถจะสรุปได้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ทวีตข้อความแสดงความยินดีกับนายทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ แล้ว สำหรับกระทรวงการต่างประเทศพร้อมดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐต่อไป ไม่ว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ รวมถึงไม่ว่าใครจะเป็นผู้นำของทุกประเทศ ไทยพร้อมดำเนินความสัมพันธ์และร่วมมือกับทุกประเทศเช่นเดียวกัน
“ประเทศไทยพร้อมเสริมสร้างมีความร่วมมือกับสหรัฐ เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นมาเป็นระยะเวลาอันช้านาน ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐ เป็นความสัมพันธ์ในลักษณะพิเศษ มีความตกลงร่วมกันมาตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐหรือเป็นผู้นำ ก็เชื่อมั่นว่าการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ จะเป็นไปอย่างเข้มข้น และมีความร่วมมือกันอย่างดีจากประวัติความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างช้านาน” นายมาริษ กล่าว
เมื่อถามว่าจะส่งผลอย่างไรในมิติทางเศรษฐกิจและมิติภูมิรัฐศาสตร์ นายมาริษ กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลใหม่ของสหรัฐ ซึ่งยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าสหรัฐ จะมีนโยบายเช่นไร ทั้งเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ แต่ไทยวางเป้าหมายที่จะดำเนินความสัมพันธ์อย่างเข้มแข็งกับสหรัฐ อีกทั้ง ไทยพร้อมผลักดันให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจร่วมกัน รวมถึงส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนการทำธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการของไทยและผู้ประกอบการของสหรัฐ ตนเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์อันดีจะส่งผลกับประชาชนของไทยและสหรัฐ ทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจและการทำธุรกิจร่วมกันให้เป็นไปอย่างยั่งยืน.