“ซุปเหยื่อไผ่” ที่หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าทำมาจากเยื่อไผ่จริงๆแล้วทำมาจาก”เห็ดเยื่อไผ่” หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “เห็ดร่างแห” แต่ละปีมีการนำเข้าเห็ดร่างแหอบแห้งจากประเทศจีนมากถึงปีละ 6,500 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท เพราะจีนเป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีการเพาะเห็ดชนิดนี้ในเชิงพาณิชย์มานานกว่า 40 ปี

แต่วันนี้บ้านเราสามารถให้เกษตรกรเพาะทำเองได้แล้ว เป็นเห็ดร่างแหพันธุ์ไทยแท้ ที่มูลค่าทางอาหารดีกว่าเห็ดนำเข้าจากจีน ทั้งนี้ เป็นผลงานที่เริ่มมาจาก สำนักวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร ที่ได้ ลงมือสำรวจ รวบรวม จำแนกสายพันธุ์ คัดเลือกเห็ดร่างแห มาตั้งแต่ปี 2555 พบว่าในธรรมชาติบ้านเรา มีเห็ดร่างแหอยู่ 5 ชนิด เห็ดร่างแหกระโปรงยาว สีเหลือง สีส้ม สีชมพู สีขาว และเห็ดร่างแหกระโปรงสั้น สีขาว แต่เห็ดร่างแหที่บริโภคได้มีเพียงเห็ดร่างแหสีขาวเท่านั้น  และในปี 2559  ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา ได้นำ เห็ดร่างแหกระโปรงสั้นสีขาว มาทำการศึกษาวิจัยต่อ เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่เกษตรกร

“เราเน้นศึกษาเห็ดร่างแหของไทย เพราะเห็ดร่างแหพันธุ์ของจีนนำมาเพาะเลี้ยงในบ้านเรา การเจริญเติบโตจะช้ามาก ต้องใช้เวลานานถึง 40-55 วัน กว่าจะได้ผลผลิต แถมเวลาให้ดอกก็แค่ดอกเดียว ไม่เหมือนเห็ดร่างแหพันธุ์ของไทย เจริญเติบโตได้เร็วกว่า ใช้เวลาแค่ 30-35 วันเท่านั้นเอง และการออกดอกแต่ละครั้ง ออกมาเป็นกระจุก 5-10 ดอก”

เรื่องโภชนาการของเห็ดร่างแหพันธุ์ไทยด้วยว่า มีคุณค่าทางอาหารมากกว่าเห็ดร่างแหของจีนด้วย เนื่องจากเห็ดของจีนนั้นส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบผลิตเวชสำอาง ส่วนของประเทศไทยเหมาะที่จะนำมาบริโภคมากกว่า เพราะทั้งแคลเซียม แมกนีเซียม ที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มีวิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระสูง และยังมีพรีไบโอติก โพไปโอติก ที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งในลำไส้ ที่สำคัญเห็ดร่างแหของบ้านเราต้มไปแล้วไม่เปื่อยยุ่ย และไม่มีกลิ่นฉุนรุนแรงเหมือนของจีน  แต่ที่เรากินแล้วไม่รู้สึกว่ามีกลิ่นเพราะมีการนำไปผ่านกระบวนการฟอกกลิ่นด้วยสารปรอท แคดเมียม ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง สรุปแล้วเห็ดเยื่อไผ่พันธุ์ไทยแท้ ดีกว่า ปลอดภัยกว่า เหมาะสำหรับบริโภคนั่นเอง 

ส่วนวิธีการเพาะนั้นขั้นตอนคล้ายกับการเพาะเห็ดฟาง เพียงแต่จะต่างกันในเรื่องวัสดุที่นำมาใช้เพาะ …เห็ดฟางให้ฟางเป็นหลักแต่เห็ดร่างแห หรือเห็ดเยื่อไผ่ ต้องใช้ใบไผ่ แกลบดิบ ขุยมะพร้าว และดินปลูกต้นไม้ สามารถเพาะปลูกได้ทั้งในตะกร้าพลาสติก สำหรับไว้กินในครัวเรือน แต่ถ้าจะทำเพื่อค้าขายจะทำเป็นแปลงปลูกทั้งในแบบปลูกกับพื้น หรือทำเป็นคอนโด 3 ชั้น  ถ้าทำเป็นแปลงปลูกกับพื้นชั้นเดียว ควรทำกระบะปลูกที่มีความกว้าง 60 ซม. ยาว 200 ซม. สูง 30 ซม. ปลูกแบบคอนโด 3 ชั้น แต่ละชั้นกระบะควรมีขนาดกว้าง 50 ซม. ยาว 100 ซม. สูง 30 ซม. แต่ถ้าปลูกในตะกร้าพลาสติก ควรมีตะกร้าที่มีความกว้าง 45 ซม. ยาว 60 ซม. สูง 3 ซม.

การเตรียมกระบะปลูก หรือตะกร้าได้แล้ว ให้นำดินปลูกต้นไม้มาโรยลงไปให้หนา 3 ซม. ตามด้วยวัสดุที่มีส่วนผสมของใบไผ่ แกลบดิบ ขุยมะพร้าว ในอัตรา 2 : 1 : 2 คลุกเคล้าให้เข้ากัน โรยทับหน้าดินปลูกชั้นล่างสุด ให้หนา 5 ซม. จากนั้นนำเชื้อก้อนเห็ดที่มีเส้นใยเห็ดร่างแหเจริญเต็มถุงแล้วใส่ลงไปในภาชนะปลูก ถ้าเป็นแปลงปลูกกับพื้นให้ใส่เชื้อเห็ดลงไป 10 ก้อน…ปลูกแบบคอนโด 3 ชั้น ให้ใส่ชั้นละ 4 ก้อนต่อชั้น…ปลูกในตะกร้าพลาสติกใส่ลงไป 2 ก้อน  ตามด้วยส่วนผสมของใบไผ่ แกลบดิบ ขุยมะพร้าว ลงไปอีกชั้นให้หนา 3 ซม. แล้วกลบหน้าด้วยดินปลูกหนา 2 ซม. รดน้ำพอชุ่ม แล้วคลุมพลาสติกดำ เพื่อบ่มเส้นใยเป็นเวลา 15 วัน…เมื่อครบกำหนด นำพลาสติกดำออก ทำการรดน้ำเช้า-เย็น รอจนกระทั่งดอกเห็ดบาน

ไม่ว่าจะปลูกแบบคอนโด หรือปลูกกับพื้น จะเก็บเห็ดได้ประมาณ 3 รุ่น ได้ผลผลิตรุ่นละ 3-5 กก. ส่วนปลูกไว้ในตะกร้าจะเก็บได้แค่ครั้งเดียว ประมาณ 300-500 กรัม  ปัจจุบันราคาซื้อขายเห็ดเยื่อไผ่สด อยู่ที่ ปะมาณ กก.ละ 500 บาทเกษตรกรสนใจเพาะเห็ดเยื่อไผ่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา 0-7458-6725 ต่อ 500, 501.