นายบัญชา  สุขแก้ว  อธิบดีกรมประมง  เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจติดตามการจับกุมเรือประมงต่างชาติ ที่ลักลอบนำสินค้าสัตว์น้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยว่า  ได้รับรายงาจาก ว่าที่ ร.ต. ประเสริฐ คงเยี้ยน หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะสุรินทร์ (พังงา)นำพร้อมเจ้าหน้าที่รวม 6 นาย สังกัดศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ กองตรวจการประมง กรมประมง ได้นำเรือตรวจประมงทะเลออกปฏิบัติงานปราบปรามผู้กระทำความผิดตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ 2560 ในทะเลอันดามัน ท้องที่อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ขณะกำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณท่าเทียบเรือประมงระนอง พบเรือประมงสัญชาติเมียนมากำลังลักลอบนำเข้าหอยลายที่คราดจากฝั่งเมียนมาเพื่อนำมาขายในฝั่งไทยและส่งต่อไปยังตลาดภาคกลาง ซึ่งผู้ต้องหาได้หลบหนีระหว่างเข้าทำการจับกุม

 จึงได้ตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย เรือหางยาวชื่อ KT 2558 พร้อมด้วยสัตว์น้ำ 1 รายการ คือ หอยลายขนาด 100 ตัวต่อกิโลกรัมจำนวน 90 กระสอบ กระสอบละ 45 กิโลกรัม รวมน้ำหนัก 4,050 กิโลกรัม รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200,000 บาท ซึ่ง กรมประมงได้นำของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระนอง  ดำเนินการทางกฎหมาย ส่วนสัตว์น้ำของกลาง หลังจากนี้ กรมประมงจะนำไปมอบให้ผู้ยากไร้และกลุ่มเปราะบางในพื้นที่จังหวัดระนอง ตามระเบียบของทางกรมประมงต่อไป

อย่างไรก็ตามได้เน้นย้ำ ให้กรมประมงดำเนินการป้องกัน เฝ้าระวัง การทำประมงผิดกฎหมาย และปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าประมงผิดกฎหมายด้วยความเข้มแข็ง เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนของประเทศไทยให้คู่ค้าและผู้บริโภคนานาประเทศได้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการประมงและเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแหล่งอาหารสัตว์น้ำเป็นครัวของโลกเป็นความมั่นคงทางด้านอาหาร