สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ว่านายหลิน เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวถึงสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในเวลานี้ ว่าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องควรอยู่ในความสงบและอดกลั้น เพิ่มความร่วมมือกันผ่านการเจรจา เพื่อบรรเทา “ความเสี่ยงทางยุทธศาสตร์” ให้ได้มากที่สุด และรัฐบาลปักกิ่งจะแสดงบทบาทอย่างสร้างสรรค์ ต่อสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่
ท่าทีดังกล่าวของรัฐบาลปักกิ่งเกิดขึ้น หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ลงนามในกฤษฎีกา เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขและแนวทางของหลักนิยมด้านนิวเคลียร์ของประเทศ โดยนโยบายการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียยังคงเป็นไปเพื่อ “การป้องปราม” แต่จะสามารถใช้กับประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง หากประเทศแห่งนั้นคุกคามรัสเซีย โดยมีชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์อยู่เบื้องหลัง
ขณะที่สภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐออกแถลงการณ์ ว่าการที่รัสเซียปรับเปลี่ยนเนื้อหาของหลักนิยมการใช้นิวเคลียร์นั้น “ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย” เนื่องจากรัฐบาลมอสโกส่งสัญญาณในเรื่องนี้ “มานานระยะหนึ่งแล้ว”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันมองว่า การดำเนินการดังกล่าว “เป็นวาทกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบ” เนื่องจากจนถึงตอนนี้ ตำแหน่งที่ตั้งทรัพย์สินด้านนิวเคลียร์ของรัสเซีย “ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง” ดังนั้น สหรัฐถือด้วยว่า “ไม่มีเหตุผล” ที่รัสเซียต้องปรับเปลี่ยนหลักการดังกล่าว
ทั้งนี้ กองทัพยูเครนใช้ขีปนาวุธนำวิถี “อะแทคซิมส์” รุ่นใหม่ของสหรัฐ ซึ่งมีพิสัยทำการไกลสูงสุด 300 กิโลเมตร โจมตีเป้าหมายทางทหาร ในภูมิภาคเบรียนสก์ ที่อยู่ทางตะวันตกของรัสเซีย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังมีรายงานจากสื่อหลายแห่งของสหรัฐ ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน อนุมัติการให้ยูเครนใช้อาวุธดังกล่าว เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเปิดฉาก เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565.
เครดิตภาพ : AFP