สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐยื่นเรื่องต่อศาลแขวงรัฐบาลกลาง ในกรุงวอชิงตัน กล่าวหากูเกิลยังคงผูกขาดตลาดบริการสืบค้นข้อมูลออนไลน์ และเรียกร้องศาลพิจารณา “ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่” ให้กับกูเกิล รวมถึงการห้ามข้อตกลงระหว่างกูเกิล กับบริษัทแห่งใดก็ตาม ในการผูกขาดการเป็นเสิร์ชเอนจินบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการห้ามกูเกิล “แสวงหาผลประโยชน์” จากระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์


ทั้งนี้ คำฟ้องของรัฐบาลวอชิงตันเรียกร้อง การให้ศาลพิพากษาว่า กูเกิลต้องขายธุรกิจแอนดรอยด์ ซึ่งบริษัทในเครือของกูเกิลเป็นผู้พัฒนาหลัก และการขอให้ศาลพิจารณา การที่กูเกิลต้องขายกิจการ “โครม” ซึ่งเป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก ณ ปัจจุบัน


ไม่ว่าคำพิพากษาของศาลจะออกมาเป็นอย่างไร แน่นอนว่ากูเกิลต้องยื่นอุทธรณ์ และกระบวนการทั้งหมดอาจยืดเยื้อไปจนถึงศาลฎีกา ขณะที่กูเกิลออกแถลงการณ์ ประณามการดำเนินการของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ “รุนแรงเกินไป”


อย่างไรก็ตาม คดีนี้อาจเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง ในยุคของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 20 ม.ค. นี้ แน่นอนว่า ทรัมป์น่าจะเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมดของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งจะมีอำนาจตัดสินใจว่า จะเดินหน้าต่อ เจรจาประนีประนอมกับกูเกิล หรือถอนฟ้อง


อนึ่ง ความพยายามดังกล่าว โดยรัฐบาลวอชิงตันชุดปัจจุบัน ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นความพยายามครั้งล่าสุดของหน่วยงานกลาง ในการใช้อำนาจตามกฎหมายเพื่อควบคุมบริษัทเทคโนโลยี โดยย้อนกลับไปเมื่อราว 2 ทศวรรษที่แล้ว รัฐบาลวอชิงตันสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช กล่าวหาไมโครซอฟท์ผูกขาดการค้า และฟ้องศาลให้มีการแบ่งแยกกิจการ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES