สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อวันพฤหัสบดี ว่าเพื่อตอบโต้การที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐและสหราชอาณาจักร รัสเซียจึงโจมตีเป้าหมายทางทหารแห่งหนึ่ง ที่เมืองดนิโปร ทางตอนกลางของยูเครน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ด้วยการใช้ “ขีปนาวุธนำวิถีความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่” หรือขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกรุ่นล่าสุด ซึ่งมีพิสัยทำการระยะกลาง และยังไม่ติดหัวรบนิวเคลียร์
ทั้งนี้ ปูตินกล่าวว่า ไม่มีทางที่อาวุธชนิดใดจะต้านทานการโจมตีของขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกลูกดังกล่าวได้ ซึ่งมีชื่อว่า “โอเรชนิก” (Oreshnik) เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 10 มัค หรือ 10 เท่าของความเร็วเสียง หรือ 2.5-3 กิโลเมตรต่อวินาที
ขณะเดียวกัน ผู้นำรัสเซียเตือนโดยตรงไปยังสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกของรัฐบาลวอชิงตัน ว่ารัสเซีย “พร้อมสำหรับความเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบในสมรภูมิ” และอีกฝ่ายไม่ควรตั้งข้อสงสัยในเรื่องนี้ เนื่องจากรัสเซีย “จะตอบโต้เสมอ”
ถ้อยแถลงดังกล่าวของปูตินเกิดขึ้น หลังก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า รัสเซียโจมตีเมืองดนิโปรโดยใช้ขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ซึ่งต่อมาสหรัฐออกมาอธิบายว่า “ไม่ใช่ไอซีบีเอ็ม” แต่ตอนนั้นรัฐบาลวอชิงตันยังไม่ได้ชี้แจงเพิ่มเติม ว่าเป็นอาวุธชนิดใด
ขณะที่นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัฐบาลมอสโกแจ้งให้รัฐบาลวอชิงตันทราบล่วงหน้าราว 30 นาที ผ่านสายด่วนนิวเคลียร์ระหว่างทั้งสองประเทศ ว่าจะมีการทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกรุ่นใหม่
อนึ่ง สงครามในยูเครนซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 2565 ทวีความรุนแรงขึ้นอีกระดับ เมื่อสหรัฐอนุญาตให้ยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธ “อะแทคซิมส์” ซึ่งมีพิสัยทำการระยะไกลประมาณ 300 กิโลเมตร และรัฐบาลเคียฟยังใช้ระบบขีปนาวุธพิสัยไกล “สตอร์ม ชาโดว์” ของสหราชอาณาจักร ซึ่งมีพิสัยทำการไกลประมาณ 250 กิโลเมตร แต่ยังน้อยกว่าระบบขีปนาวุธ “อิสกันเดอร์” ของรัสเซีย ที่เป็นอาวุธลักษณะใกล้เคียงกัน และมีพิสัยทำการไกลประมาณ 500 กิโลเมตร.
เครดิตภาพ : AFP