สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ว่า นายเท็ด ไชบัน รองผู้อำนวยการบริหารของยูนิเซฟ กล่าวว่า “วิกฤติด้านมนุษยธรรมในเมียนมากำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ โดยความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นและสภาพอากาศแปรปรวน ทำให้เด็กและครอบครัวต้องเสี่ยงกับอันตรายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” ทำให้ประชาชนมากกว่า 3.4 ล้านคน ต้องอพยพออกจากพื้นที่ทั่วประเทศ และในจำนวนนี้เป็นเด็กเกือบ 40%
ไชบันกล่าวว่า การสู้รบและเหตุการณ์สภาพอากาศเลวร้าย เช่น พายุไต้ฝุ่นยางิ ส่งผลกระทบต่อเด็ก ๆ อย่างร้ายแรง ทำให้พวกเขาต้องอพยพ, เสี่ยงต่อความรุนแรง และถูกตัดขาดจากการรักษาพยาบาลและการศึกษา
ทั้งนี้ ยูนิเซฟได้รับรายงาน เด็กอย่างน้อย 7 ราย และผู้ใหญ่อีกอย่างน้อย 2 ราย เสียชีวิตจากการโจมตี บริเวณโบสถ์แห่งหนึ่ง ในรัฐคะฉิ่น ทางตอนเหนือของเมียนมา เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างเด็กกำลังจับกลุ่มเล่นฟุตบอลกัน
อนึ่ง รัฐคะฉิ่นเป็นฐานที่มั่นของกองทัพเอกราชกะฉิ่น (เคไอเอ) ซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ ซึ่งยึดครองดินแดนทางตอนเหนือของประเทศ และกำลังต่อสู้กับรัฐบาลทหารเมียนมา
นอกจากนี้ รายงานของยูนิเซฟระบุด้วยว่า นับตั้งแต่ต้นปีนี้ มีเด็กอย่างน้อย 650 ราย เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บ จากความรุนแรงภายในเมียนมา รวมถึงเป็น 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 ราย จากทุ่นระเบิดและเศษระเบิดจากสงคราม.
เครดิตภาพ : AFP