ตำรวจแคลิฟอร์เนีย เผยข้อมูลกรณีของชายชาวแคลิฟอร์เนีย ซึ่งหายตัวไปเมื่อ 25 ปีก่อน กำลังจะได้กลับมาพบหน้าครอบครัวของเขาอีกครั้ง หลังจากที่ภาพถ่ายของเขา ได้รับการตีพิมพ์พร้อมรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และมีผู้ส่งต่อไปยังญาติของเขา 

หญิงสาวซึ่งทางการระบุว่าเป็นน้องสาวของชายคนนี้ ได้รับเบาะแสจากเพื่อนซึ่งส่งรายงานข่าวดังกล่าวมาให้ โดยบทความนี้กล่าวถึงความพยายามค้นหาตัวตนและความเป็นมาของผู้ป่วยชายที่ไม่ทราบชื่อ ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในลอสแอนเจลิส 

รายงานของหนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ ก่อนหน้านี้ระบุว่า มีผู้พบตัวผู้ป่วยรายนี้ในเขตเซาท์ลอสแอนเจลิส เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2567 และนำเขาไปส่งโรงพยาบาลเซนต์ฟรานซิส เมืองลินวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย

เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลประกาศขอความช่วยเหลือจากประชาชน เพื่อระบุตัวตนของผู้ป่วยชายคนดังกล่าว ซึ่งอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถพูดได้ และไม่สามารถบอกชื่อตัวเองได้ 

ผู้ป่วยนิรนามอยู่ในสภาพที่พูดไม่ได้ สื่อสารไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนและติดต่อครอบครัวของเขาได้

หลังจาก 6 เดือนผ่านไป น้องสาวของผู้ป่วยรายนี้ ก็ติดต่อไปยังสำนักงานนายอำเภอลาสเซนเคาน์ตี เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว โดยเชื่อว่า ผู้ป่วยคนนี้คือพี่ชายของเธอที่หายสาบสูญไปนานหลายสิบปี

ทางสำนักงานนายอำเภอ ไม่ได้เปิดเผยชื่อของชายคนดังกล่าว หรือชื่อสมาชิกในครอบครัวของเขา รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของผู้ป่วย เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของพวกเขา 

น้องสาวของผู้ป่วยรายนี้ให้ข้อมูลว่า เขาหายตัวไปจากเมืองดอยล์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 2542 และไม่มีใครเคยได้ข่าวคราวของเขาเลย

หลังจากได้รับแจ้งจากญาติผู้ป่วย รองนายอำเภอ ดีเรก เคนนีมอร์ ได้ติดต่อไปที่โรงพยาบาลเซนต์ฟรานซิส แต่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแจ้งว่า มีการส่งตัวผู้ป่วยรายนี้ไปยังโรงพยาบาลอื่นแล้ว 

ต่อมา โรงพยาบาลแห่งที่ 2 ซึ่งรับตัวผู้ป่วยชายคนนี้ไว้ ก็ยืนยันกลับมาว่า ชายคนดังกล่าวอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลและมีลักษณะตรงกับบุคคลสูญหายตามที่สำนักงานนายอำเภอแจ้งมา

หลังจากนั้น กรมตำรวจลอสแอนเจลิสจัดให้มีการยืนยันตัวตนของเขาด้วยการตรวจสอบลายนิ้วมือ ซึ่งได้ผลลัพธ์ว่าเป็นชายที่หายตัวไปจริง 

สำนักงานนายอำเภอลาสเซนเคาน์ตี แถลงว่า ชายผู้นี้กำลังจะกลับไปหาครอบครัวของเขาในเร็ว ๆ นี้ พร้อมกันนี้ ได้แสดงความชื่นชมรองนายอำเภอเคนนีมอร์ ที่มุ่งมั่นในการติดตามคดีนี้ นอกจากนี้ ยังแสดงความขอบคุณกรมตำรวจลอสแอนเจลิส สำหรับความช่วยเหลือในการระบุตัวชายที่สูญหาย และปิดคดีคนหายที่ค้างคามายาวนานถึง 25 ปี

ที่มา : usatoday.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, Francis Medical Center