เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมลูกความ ว่า ในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ย.) ตนจะเดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี ให้ตรวจสอบและพิจารณาความผิดของเจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เนื่องด้วยเจ้าหน้าที่ สศค. ได้ให้การเท็จในคดี และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรื่องการให้ข้อมูลผลตอบแทนทางธุรกิจของตัวแทนจำหน่ายร้อยละ 4 ต่อเดือน เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ถือว่าเป็นการให้การเท็จ และเตรียมยื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้ทราบข้อเท็จจริงภายในวันที่ 3 ธ.ค.

ทนายวิฑูรย์ เผยอีกว่า ส่วนการนำพยานของบริษัท ดิไอคอน เข้ามาเป็นพยานในคดี เป็นข้อต่อสู้ทางกฎหมาย แต่เมื่อดีเอสไอไม่พยายามจะสอบปากคำ แต่กลับให้พยานเขียนคำให้การแทน และตนตั้งข้อสงสัยว่า กรณีที่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า พยานพูดไปในทำนองว่า นายวรัตน์พลเป็นคนดีได้อย่างไร ทั้งที่ไม่มีการสอบปากคำพยาน ส่วนประเด็นที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าตัวเองพยายามยื้อคดีในการทำสำนวน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำสำนวนส่งอัยการไม่ทันนั้น ยืนยันว่าไม่มีเจตนาดังกล่าว แต่กระทำเพื่อใช้สิทธิในการต่อสู้คดี ดีเอสไอต้องฟังข้อมูลของทั้งสองฝ่าย เพื่อมาประกอบในสำนวน

ทนายวิฑูรย์ เผยต่อว่า สำหรับกรณีที่ดีเอสไอตั้งข้อพิรุธในเรื่องเอกสาร ขอให้ยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อมูลการโอนเงินให้กับแม่นายสามารถ ระบุวันที่ในเอกสาร วันที่ 12 พ.ย. 67 จัดทำขึ้นโดยทนายคนหนึ่ง อ้างว่าทำขึ้นที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และลงนามเอกสารโดยชื่อนายวรัตน์พล นั้น ตนยืนยันว่าตนเป็นคนนำเอกสารดังกล่าวมาให้นายวรัตน์พลเซ็นยืนยันเอกสารจริง แต่เอกสารดังกล่าว ตัวเองไม่ได้เป็นคนจัดทำขึ้น เป็นเพียงเอกสารที่ที่ปรึกษาของนายสามารถ นำมาให้เพื่อให้นายวรัตน์พลเซ็นยืนยันตามข้อเท็จจริงเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีความสำคัญต่อรูปคดี ไม่ใช่เอกสารสัญญากู้ยืมเงินแต่อย่างใด โดยเอกสารก็ได้มีเซ็นอย่างถูกต้อง ไม่ได้ทำไว้เพื่อรอรับอะไร หากดีเอสไอพยายามจะกล่าวหาตัวเองว่าพยายามเข้าไปแทรกแทรง หรือช่วยเหลือผู้ต้องหานั้น ควรพิจารณาตามพยานหลักฐาน.