สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ว่า ประธานาธิบดีคลอเดีย ไชน์บาว์ม ผู้นำเม็กซิโก กล่าวถึงการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งข่มขู่จะขึ้นภาษีสินค้าของเม็กซิโกในอัตรา 25% ตั้งแต่วันแรกที่กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว ในวันที่ 20 ม.ค. 2568 ว่า “จะไม่มีสงครามการค้า” ระหว่างสองประเทศ เพราะนโยบายของเม็กซิโกมีประสิทธิภาพเพียงพอ ที่จะยับยั้งไม่ให้คาราวานผู้อพยพเดินทางไปถึงพรมแดนทางเหนือของประเทศ ที่ติดกับภาคใต้ของสหรัฐ
ขณะที่ทรัมป์กล่าวถึงการสนทนาทางโทรศัพท์กับไชน์บาว์มในครั้งนี้ ว่ารัฐบาลฝ่ายซ้ายชุดปัจจุบันของเม็กซิโก เห็นพ้องการร่วมกันหยุดยั้งคลื่นผู้อพยพ ไม่ให้เดินทางผ่านเม็กซิโกไปถึงสหรัฐ
อย่างไรก็ดี นายมาร์เซโล เอบราร์ด รมว.เศรษฐกิจของเม็กซิโก กล่าวว่า หากรัฐบาลวอชิงตันในอนาคต ขึ้นภาษีสินค้าของเม็กซิโกในอัตรา 25% จริง ผลกระทบจะย้อนศรกลับไปยังสหรัฐมากกว่า เนื่องจากแรงงานราว 400,000 คนในอเมริกาจะต้องเดือดร้อน โดยอ้างอิงจากแรงงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก และต้นทุนการผลิตรถยนต์อาจต้องเพิ่มขึ้นอีกคันละ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 102,885 บาท).
เครดิตภาพ : AFP