สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ว่าสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เมืองอเลปโป ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของซีเรีย และกลับมาทวีความรุนแรงอีกครั้ง จากการที่กองกำลังฝ่ายต่อต้านบุกยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองได้สำเร็จ เป็นผลจากการที่รัฐบาลดามัสกัส “พึ่งพาและเชื่อมั่น” รัสเซียและอิหร่านมากเกินไป


ขณะเดียวกัน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังเป็นผลจากการที่ ซีเรียเป็นฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ และเดินหน้าตามแนวทางของแผนสันติภาพ ซึ่งกำหนดโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) เมื่อปี 2558 และทิ้งท้ายว่า สหรัฐ “ไม่มีความเกี่ยวข้องอย่างสิ้นเชิง” กับสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองอเลปโป พร้อมทั้งย้ำว่า เอชทีเอส “เป็นกลุ่มก่อการร้าย” ในบัญชีดำของสหรัฐ


ทั้งนี้ กองทัพซีเรียถอนกำลังออกจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองอเลปโป หลังกองกำลังนักรบจีฮัดชื่อ “ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม” ( เอชทีเอส ) และกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียหลายกลุ่ม ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากตุรกี ร่วมกันยึดเมืองแห่งนี้ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของซีเรีย โดยเปิดฉากปฏิบัติการจู่โจมแบบสายฟ้าแลบ เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น


อนึ่ง เอชทีเอส เป็นเครือข่ายในซีเรียของกลุ่มอัล-กออิดะห์ ปัจจุบันมีเขตอิทธิพลในพื้นที่บางแห่งของจังหวัดอิดลิบ จังหวัดฮามา และจังหวัดลาตาเคียด้วย

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการจู่โจมฐานที่มั่นของรัฐบาลซีเรียโดยฝ่ายต่อต้าน ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี และนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2559 ที่กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลสามารถกลับเข้าสู่เมืองอเลปโปได้อีกครั้ง หลังถูกทหารและกองกำลังสนับสนุนรัฐบาลผลักดันออกไป


ด้านนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ฝ่ายต่อต้านล่วงละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรีย “อย่างร้ายแรง” และยืนยันว่า รัสเซียจะมอบความสนับสนุนให้แก่รัฐบาลดามัสกัส ในการกระชับพื้นที่ทั้งหมดของเมืองอเลปโปกลับคืนมา.

เครดิตภาพ : AFP