“ช้างศึก” ทีมชาติไทย เดินหน้าเตรียมแข่งขันฟุตบอลอาเซียนคัพ 2024 ระหว่างวันที่ 8 ธ.ค. 67-วันที่ 5 ม.ค. 68 โดยตอนนี้มีนักเตะ 11 คน หลังจากได้ นิโคลัส มิคเกลสัน แบ๊กขวาจาก โอบี โอเดนเซ กับ “แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กองหน้าบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่วนรายอื่นจะทยอยกันมา ก่อนที่วันที่ 6 ธ.ค. จะเดินทางไปเวียดนาม สนามแข่งนัดแรก
โปรแกรมทีมไทย ดีกรีแชมป์ 7 สมัย จากการจัด 14 ครั้งนั้น รอบแรก กลุ่ม A วันที่ 8 ธ.ค. 67 เวลาไทย 20.00 น. พบ ติมอร์เลสเต (เยือน ที่ฮังเดย์ สเตเดียม-เวียดนาม), วันที่ 14 ธ.ค. 67 เวลา 20.00 น. พบ มาเลเซีย (ราชมังคลากีฬาสถาน), วันที่ 17 ธ.ค. 67 เวลา 19.30 น. พบ สิงคโปร์ (สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์), วันที่ 20 ธ.ค. 67 เวลา 20.00 น. พบ กัมพูชา (ราชมังคลากีฬาสถาน), วันที่ 26-27 ธ.ค. 67 รอบรองฯ เลกแรก, วันที่ 29-30 ธ.ค. 67 รอบรองฯ เลก 2, วันที่ 2/5 ม.ค. รอบชิงชนะเลิศ
สำหรับทีมชาติไทยชุดนี้ ขาดนักเตะหลักหลายราย เนื่องจากมีโปรแกรมแข่งขันไทยลีกหลายคู่มาชนกัน อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ของสื่อดังต่างชาติอย่าง ESPN ยังมองว่า ทีมชาติไทย ก็ยังเป็นทีมน่ากลัวอยู่ดี
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/12/469280673_895345482796862_6819034249575770679_n-1280x854.jpg)
ESPN ลงบทความวิเคราะห์ทีมชาติไทย ในศึกอาเซียนคัพ มองว่าการขาดนักเตะดาวดัง เป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะอาเซียนคัพไม่ได้อยู่ในฟีฟ่าเดย์ จึงต้องเจรจากับสโมสร ซึ่งสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ไม่เรียกนักเตะจาก บีจี ปทุม และ เมืองทอง ยูไนเต็ด ส่วนทีมอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ ไม่ได้ถูกขอให้ปล่อยนักเตะเต็มรูปแบบ
ทำให้ ช้างศึก จะไม่มีนักเตะหลายรายที่จะเป็นส่วนสำคัญสู่การคว้าแชมป์ 3 สมัยติดทีมแรก เช่น ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่จะทำให้คิดถึงมากที่สุด, ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน MVP ครั้งล่าสุด ไล่ไปถึง สารัช อยู่เย็น, กฤษดา กาแมน, ศุภชัย ใจเด็ด ที่เป็นการตอกย้ำว่า รายการนี้อาจเป็นการเปิดยุคใหม่ของวงการบอลไทย ซึ่ง ธีราทร ก็เคยบอกแล้วว่า ตัวเองจะไม่เล่นอาเซียนคัพ เพื่อรักษาสภาพร่างกาย และเปิดทางรุ่นน้อง
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/12/469051729_895202022811208_2746641220388515486_n-1280x853.jpg)
อย่างไรก็ตาม ESPN มองว่า อย่าเพิ่งสันนิษฐานว่า นี่จะเป็นทัวร์นาเมนต์เปลี่ยนผ่านของทีมชาติไทย
ทีมไทยยังมี สุภโชค สารชาติ และ เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่เล่นในเจลีก ซึ่งรายแรกถูกส่งลงสนามสม่ำเสมอ กับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ส่วนรายหลัง ได้ประสบการณ์จาก อูราวะ เรด ไดมอนด์ส ขณะที่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา น้องชาย สุภโชค ก็พร้อม หลังจากย้ายจาก โอเอช ลูเวิน มาบุรีรัมย์ เขาเคยยิงทั้ง เกาหลีใต้ และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งพร้อมพิสูจน์ว่า เขาไม่ได้โอกาสเพียงพอในเบลเยียม
กองกลางยังมีนักเตะประสบการณ์สูง วีระเทพ ป้อมพันธ์ุ, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ขณะที่ เสกสรรค์ ราตรี นักเตะบุรีรัมย์ ได้โอกาสฉายแวว
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/12/469348929_895345839463493_4165449920709888946_n-1280x854.jpg)
ทว่าแนวรับอาจเป็นจุดที่ตั้งคำถาม นอกจาก พรรษา เหมวิบูลย์ ที่เป็นตัวเก๋า มีอีก 7 คน ติดทีมชาติไม่ถึง 10 นัด ส่วนโกล ปฏิวัติ คำไหม มือ 1 ตั้งแต่เอเชียนคัพ แต่ติดทีมชาติเพียง 16 นัด (ศุภนันท์ บุรีรัตน์, นิโคลัส มิคเกลสัน เป็นอีก 2 คน ที่ติดทีมชาติเกิน 10 นัด)
อย่างไรก็ตาม การไม่มีประสบการณ์ เป็นข้อกังวลเล็กน้อย ทีมไทยไม่เคยมีปัญหาเรื่องขาดคุณภาพ และไม่น่าแปลกใจ ถ้าจะมีชื่อที่ไม่คุ้นเคยหลายราย ใช้อาเซียนคัพ เป็นโอกาสสร้างชื่อให้ตัวเอง ไม่อาจปฏิเสธว่า ไทยจะพลาดสตาร์ดัง แต่บางทีอาจเป็นเวลาที่เหมาะสมในการถ่ายเลือดไปสู่นักเตะที่มีความสามารถหน้าใหม่ๆ โดยเฉพาะกับเป้าหมายเอเชียนคัพ รอบคัดเลือก ที่จะเริ่มในปีหน้า
ESPN ยังสรุปว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าเพิ่งรีบที่จะตัดทีมไทย ในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่สำหรับศึกอาเซียนคัพ