วานนี้ (4 ธ.ค. 2567) สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งเผยแพร่ผลงานการสร้างภาพด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่น่าทึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าของนักบุญนิโคลัสแห่งไมราเป็นครั้งแรก
นักบุญผู้เคยมีตัวตนอยู่จริงเมื่อ 1,700 ปีก่อนนี้คือแรงบันดาลใจให้เกิดตำนาน “คุณพ่อคริสต์มาส” หรือ “ซานตาคลอส” ในหลายประเทศทั่วโลก
ทีมนักวิทยาศาสตร์และศิลปินผู้เชี่ยวชาญการสร้างภาพดิจิทัลใช้ข้อมูลที่ได้จากกะโหลกศีรษะของนักบุญนิโคลัส ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 เพื่อสร้างใบหน้าของเขาขึ้นมาใหม่ด้วยวิธีทางนิติวิทยาศาสตร์
ซิเซโร โมราเอส หัวหน้าคณะศึกษาในครั้งนี้ชี้ว่า ทีมงานอาศัยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของนักบุญนิโคลัสแห่งไมราซึ่งได้จากผลงานศิลปะและการบรรยายเกี่ยวกับนักบุญท่านนี้ซึ่งส่วนใหญ่บ่งชี้ว่า เขามีหน้าผากกว้าง ริมฝีปากบาง และจมูกทรงกลม


แม้นักบุญนิโคลัสจะเสียชีวิตในปีค.ศ. 343 ซึ่งเป็นยุคสมัยก่อนการถือกำเนิดของกล้องถ่ายภาพ แต่เมื่อมีการสร้างสรรค์ภาพสามมิติของใบหน้าของเขาจากข้อมูลที่หลงเหลืออยู่ ก็เผยให้เห็นว่านักบุญท่านนี้มีใบหน้าที่ดูทั้ง “เข้มแข็ง” และ “อ่อนโยน” ในเวลาเดียวกัน
โมราเอสกล่าวว่า กะโหลกศีรษะของนักบุญมีโครงสร้างที่ชัดเจนมาก ทำให้ใบหน้าดูแข็งแกร่ง เนื่องจากแกนใบหน้าในแนวนอนนั้นมีขนาดใหญ่กว่าค่าเฉลี่ย และเมื่อลักษณะเช่นนี้รวมเข้ากับหนวดเคราที่ดกหนา ทำให้นึกถึงการบรรยายลักษณะของรูปร่างหน้าตาของซานตาคลอสที่หลายชาติมีร่วมกัน
นักบุญนิโคลัสแห่งไมราขึ้นชื่อเรื่องการมอบของขวัญแก่เด็กที่มีความประพฤติดี ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดตำนานของ “ซินเตอร์กลาส” บุคคลในเรื่องเล่าพื้นบ้านชาวดัตช์ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในนามของ “ซานตาคลอส” โดยอยู่ในรูปลักษณ์ของชายชราผู้ร่าเริง ขี่เลื่อนเทียมกวางเรนเดียร์เพื่อนำของเล่นมามอบให้เด็กๆ ในคืนวันคริสต์มาส
โมราเอสกล่าวว่า เขาประหลาดใจไม่น้อยที่พบว่า ภาพที่สร้างขึ้นโดยเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์นั้นตรงกับคำบรรยายรูปลักษณ์ของซานตาคลอสในวรรณกรรมยุคก่อน เช่น ในบทกวีเรื่อง “Twas The Night Before Christmas” ที่แต่งขึ้นในปีค.ศ. 1823 ก็บรรยายถึงซานตาคลอสว่ามี “แก้มสีชมพู”, “ใบหน้ากว้าง” และ “จมูกเหมือนลูกเชอร์รี”

นอกจากนี้ การศึกษาร่างที่หลงเหลืออยู่ของนักบุญนิโคลัสยังเผยให้เห็นว่า เขาป่วยเป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังที่กระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกราน แล้วยังมีกะโหลกศีรษะหนา ซึ่งอาจทำให้เขาเกิดอาการปวดศีรษะบ่อยๆ ทีมศึกษากล่าวว่า เป็นไปได้ว่า นักบุญผู้นี้ดำรงชีวิตด้วยการกินอาหารมังสวิรัติเป็นส่วนใหญ่
แม้ว่าในตอนแรกร่างของนักบุญนิโคลัสจะถูกฝังไว้ที่เมืองไมราหรือประเทศตุรกีในปัจจุบัน แต่ต่อมา โครงกระดูกของเขาก็ถูกย้ายไปที่เมืองบารี ประเทศอิตาลีและยังอยู่ที่นั่นจนถึงปัจจุบัน
โมราเอสกล่าวว่า พวกเขาเริ่มต้นด้วยการสร้างรูปร่างของกะโหลกศีรษะแบบสามมิติจากข้อมูลสัดส่วนของโครงกระดูกจริง จากนั้นก็เติมผิวเนื้อเข้าไปด้วยเทคนิคการสร้างภาพสามมิติดิจิทัล โดยอาศัยข้อมูลจากภาพเอ็กซเรย์ของกะโหลกศีรษะของคนจริง ๆ นำมาปรับแต่งให้เข้ากับรูปกะโหลกศีรษะของนักบุญนิโคลัส

ส่วนการเติมใบหน้าซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายนั้น เป็นการปรับแต่งตามข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด โดยพยายามหาความสอดคล้องกันในเชิงกายวิภาคและสถิติเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของนักบุญนิโคลัสจนได้เป็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาออกมา
ผลงานการศึกษาฉบับนี้เป็นการร่วมงานของโมราเอส, โฆเซ หลุยส์ ลิรา และเทียโก เบอานี และเพิ่งได้รับการเผยแพร่ในวารสาร OrtogOnLineMag
ที่มา : nypost.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, Cicero Moraes