นายรพีภัทร์  จันทรศรีวงศ์  อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก น.ส.ฉันทนา คงนคร ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7 ( สวพ.7) ว่า ได้รับแจ้งในพื้นที่จังหวัดชุมพรมีการคัดบรรจุทุเรียนในพื้นที่ของโรงคัดบรรจุที่ถูกระงับการส่งออกเนื่องจากมีการปนเปื้อนแคดเมียม จึงได้มอบให้เจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง พบโรงคัดบรรจุดังกล่าวมีพื้นที่ติดกันแบ่งเป็น 2 สาขา คือ สาขา 4 และ สาขา 6 (สาขา 6 ถูกระงับส่งออก) ซึ่งพื้นที่ทั้ง 2 ส่วนมีทุเรียนคัดบรรจุกล่องเรียบร้อยวางอยู่ และมีบางส่วนบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์พร้อมส่งออก เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบสติ๊กเกอร์ขั้วและสติ๊กเกอร์ข้างกล่องพบว่ามีการใช้เลขทะเบียน DOA สถานที่อื่น ๆ แต่เจ้าของโรงคัดบรรจุอ้างว่านำทุเรียนไปขายห้องเย็น จึงได้ทำการอายัดทุเรียนไว้เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม พร้อมเตรียมดำเนินการยกเลิกทะเบียน DOA ดังกล่าว  

จากการทวนสอบข้อมูลการใช้ GAP ข้างกล่องเป็นของพื้นที่อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร เมื่อทวนสอบไปยังเกษตรกรพบว่าเกษตรกรไม่มีการจำหน่ายผลผลิตทุเรียนแต่อย่างใด จึงให้เกษตรกรดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี และ สวพ.7 เตรียมดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายกับโรงคัดบรรจุดังกล่าว โดยทางโรงคัดบรรจุ แจ้งว่าซื้อมาจาก อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่ง สวพ.7อยู่ระหว่างทวนสอบไปยังเกษตรกรและเกษตรอำเภอในพื้นที่ และสุ่มตรวจสอบเปอร์เซ็นต์น้ำหนักเนื้อแห้ง พบว่ามีเปอร์เซ็นต์น้ำหนักเนื้อแห้ง 35% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานในทุเรียนหมอนทองและจะทำการสุ่มทุเรียนเพื่อส่งวิเคราะห์การปนเปื้อนแคดเมียมต่อไป จากการติดตามการขนย้ายทุเรียนดังกล่าวพบว่านำมาขายบริษัทห้องเย็นจริงไม่ได้มีการนำไปส่งออก

“หากผู้ประกอบการกระทำผิดกรมวิชาการเกษตรจะออกคำสั่ง “ระงับหรือยกเลิกหนังสือสำคัญ แสดงการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืช ทะเบียน DOA” (ระงับล้งที่กระทำความผิด) ซึ่งเป็นการนำการขึ้นทะเบียนไปใช้หรืออ้างอิงในทางที่ทำให้เกิดความเสียหาย หรืออาจทำให้เข้าใจผิดในการได้รับ การขึ้นทะเบียนนั้น ๆ ปฏิบัติไม่เป็นไปตามข้อ 7.3 ของประกาศกรมวิชาการเกษตรเรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืช พ.ศ. 2567 และขอเน้นย้ำให้เกษตรกรเก็บรักษาใบ GAP ซึ่งมีค่าไว้อย่าให้ใครนำมาใช้สวมสิทธิ์โดยเด็ดขาด”