เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. รศ.พิเศษ พญ.วิไล ธนสารอักษร กรรมการและประชาสัมพันธ์สมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ เปิดเผย ว่า ปัจจุบัน การดูแลความงามเป็นที่สนใจและเข้าถึงประชาชนได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการพัฒนาทางการแพทย์ด้านความงามในประเทศไทยอย่างก้าวกระโดดจนเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำของโลก แต่อย่างไรก็ตาม การรักษาที่มากขึ้นทั้งจำนวนผู้รักษา และความหลากหลายของหัตถการย่อมทำให้เกิดกรณีศึกษาเกี่ยวกับผลข้างเคียงทางการรักษา เช่น ภาวะการอุดตันของเส้นเลือด การสูญเสียการมองเห็น การติดเชื้อหลังการรักษาด้วยสารเติมเต็ม การเกิดภาวะผิวไหม้ แผลเป็น จากการรักษาด้วยเลเซอร์ คลื่นเสียง และคลื่นวิทยุ รวมถึงภาวะหน้าผิดรูป การติดเชื้อ และผลข้างเคียงอื่น ๆ ทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้ป่วยทั้งทางร่างกาย จิตใจและความพิการ จนถึงอาจอันตรายถึงชีวิตได้
รศ.พิเศษ พญ.วิไล กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เคยมีคนไข้ที่เข้ามารับการรักษาผลข้างเคียงจากเสริมความงาม ว่าตามไปทำกับหมอกระเป๋าที่โกดังแห่งหนึ่ง ซึ่งอันตรายมาก พอเกิดการติดเชื้อแล้ววุ่นวายเลย และจากข้อมูลของ รพ.รามาธิบดี ซึ่งมีเซ็นเตอร์รับคนไข้ พบว่าคนไข้ที่ได้รับผลกระทบจากการรับบริการเสริมความงามที่ไม่ถูกต้อง ในรอบ 12 เดือนก่อนหน้านี้ กว่า 60 ราย ที่ฉีดฟิลเลอร์จากคนที่ไม่ใช่แพทย์ แล้วทำให้เกิดปัญหาฟิลเลอร์เข้าสู่หลอดเลือด ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ทำให้เกิดตาบอด ถ้าไปอุดตันเส้นเลือดหัวใจ อุดตันเส้นเลือดสมองกลายเป็นสโตรก และสามารถทำให้เสียชีวิตได้ แต่ที่รายงานเข้ามานั้น ยังไม่มีเคสเสียชีวิต
“ขอเตือนประชาชนว่าการรับบริการความงาม ต้องตรวจสอบว่าแพทย์ผู้ให้บริการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจริงหรือไม่ ผ่านทางเว็บไซต์ของแพทยสภา ตรวจสอบผลิตภัณฑ์จากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และตรวจสอบสถานพยาบาลว่าขึ้นทะเบียนหรือไม่ ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)”รศ.พิเศษ พญ.วิไล กล่าว