ยังคงเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่หลายคนสนใจอย่างต่อเนื่องสำหรับกรณีของนักแต่งเพลงและเมนเทอร์คนดัง หนึ่ง จักรวาล ที่ถูกชาวเน็ตวิจารณ์หนักมากปมหยอกล้อกับลูกจนหลายคนมองว่าเกินความพอดีและไม่เหมาะสม ซึ่งทำให้สังคมและชาวเน็ตถล่มยับหนึ่งจนต้องออกมาขอโทษและสัญญาจะระวังเรื่องนี้มากขึ้น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” มีโอกาสได้สัมภาษณ์ นางงาม พิธีกรและนักแสดงคนดัง บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี คนที่เดินหน้าทำงานเพื่อสังคมและเรียกร้องสิทธิให้เด็กและสตรีตลอดมาในมุมมองของการแสดงออกถึงความรักในครอบครัว
บุ๋ม เผยว่า “บุ๋มเองก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องอ่านข่าวของพี่หนึ่งเขาด้วย แต่สิ่งที่พี่พยายามทำคือจะไม่มีการขึ้นภาพน้องทั้งสิ้น ไม่มีคลิปตัวอย่างจากข่าว เพราะเรารู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันจะติดตัวเขาไปในอนาคต เพื่อปกป้องสิทธิเด็กและน้องก็เลยจะพูดถึงกรณีข่าว แล้วไม่ขึ้นรูปเลยค่ะ อย่างเคสเกี่ยวกับเด็กและสตรีในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่พี่พยายามพูดมาโดยตลอดว่าอย่างน้อยครอบครัวควรสอนเรื่องสิทธิการดูแลร่างกายของตัวเองกับเด็ก เพราะจะมาหวังให้โรงเรียนสอนคงไม่ได้เพราะเด็กเราไม่สามารถปกป้องเขาได้ตลอดเวลา เขาต้องไปโรงเรียน เจอผู้คน เจอครู เจอหลายๆคนเขาต้องรู้ว่าส่วนไหนของร่างกายไม่ควรละเมิด ส่วนไหนของร่างกายที่ห้ามมาแตะต้องฉันเลย แต่เรื่องแบบนี้กลับกลายเป็นว่าครอบครัวไทย ไม่มีการสอนกับเด็กๆเลย และไม่ยอมพูดถึงเสียด้วยซ้ำ เด็กไม่รู้ว่าอะไรละเมิดได้หรือไม่ แต่ในต่างประเทศเขามีชัดเจนเลยอย่างโซนสีแดง ปากไม่ใช่ว่าใครจะมาล้วงเล่นได้นะ หน้าอก อวัยวะเพศ ก้น เป็นต้น ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย”
“ส่วนโซนสีเหลืองคือไม่เหมาะสมและไม่สมควร เช่น จับแก้ม หัวไหล่ ต้นขา เป็นต้น ส่วนสีเขียวที่จับได้คือมือ แต่สังคมไทยไม่นิยมเราคงไม่ให้คนแปลกหน้าจับมือหรอก แต่ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยจะคุยเรื่องนี้กันเท่าไหร่ แต่ในความรู้สึกของพี่นะพี่ก็อยากให้ครอบครัวแสดงความรักต่อกัน บอกรักกันเพื่อแสดงความเข้มแข็งภายในครอบครัว แต่ในเรื่องการแตะต้องตัวในบางเรื่องมันก็มีข้อจำกัด เพราะเด็กจะไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่โดนกระทำเป็นสิ่งที่ควรหรือไม่ควร เขารู้แค่สิ่งที่พ่อแม่ทำ แต่ในอนาคตพอเขาเริ่มโตมาและรู้จักจากสังคมคนรอบข้าง เขาจะรู้สึกแย่กับตรงนี้ ต่อคลิปข่าว ภาพที่เกิดขึ้นดังนั้นเวลาดูคลิปอะไรพวกนี้ความรุนแรงต่างๆควรหันไปคุยกับคนในครอบครัว ไม่ใช่เอาเวลาไปเมนต์ด่าตามเมนต์ตามเพจต่างๆ แต่ควรเอาเวลาตรงนี้มาคุยกับคนในครอบครัวว่าเราจะแสดงความรักกับคนในครอบครัวยังไง ดูแลยังไงมากกว่า”
บุ๋ม เล่าต่อว่า “ถามว่าจะมีระยะห่างมากขึ้นไหมในครอบครัวกับประเด็นการแสดงออกเรื่องความรัก บุ๋มถึงบอกว่าควรหันหน้ามาคุยกันในครอบครัวว่าอะไรคือมากหรือน้อยแค่ไหน และเจตนาด้วย แต่อย่างเรื่องอะไรที่เกินไป เช่น อวัยวะบางส่วนที่ไม่ควรแตะต้องเขาก็ควรจะต้องถอยห่าง อย่างบางคนเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวยังไงก็ต้องดูแลลูกที่ทำความสะอาดเองไม่เป็น พ่อล้างก้นให้หนูหน่อย ถึงบอกให้ดูที่เจตนา ซึ่งบุ๋มว่าวันนี้ที่มีประเด็นนี้เกิดขึ้นมันดีนะ เรามีประเด็นที่คุยกัน และแต่ละครอบครัวก็ควรหันมาคุยกันว่าจะแสดงออกซึ่งความรักกันยังไง สังคมจะได้ฉุกคิดกันมากขึ้น”
“ส่วนในอนาคตกับแผนการทำงานเกี่ยวกับสังคมเรื่องนี้บุ๋มและองค์กรทำดีทำกันมาตลอดและเราก็มีแผนที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายเหตุอีกต่อไป ต้นเหตุคือการให้ความรู้กับเด็กตั้งแต่เขายังเล็ก เพื่อให้เขาตระหนักในสิทธิของเขา แต่พอดีมาเจอโควิดก่อนเราเลยไปทุ่มเทกำลังในการช่วยเหลือส่วนนี้ก่อน แต่ในอนาคตแผนการให้ความรู้นี้คือสิ่งที่เรากำลังจะทำค่ะ”
บุ๋ม เล่าอีกว่า “สำหรับงานอื่นๆ งานลงพื้นที่น้ำท่วมหรือโควิด เราก็ทำต่อเนื่องและดีใจทุกครั้งที่ลงไปเจอคนที่เขาเดือดร้อนแล้วเราช่วยเขาได้ ยิ่งไปเห็นบางคนเดือดร้อนอยู่และพอเห็นเราเขามีกำลังใจขึ้นนิดนึงเราก็มีความสุขแล้ว ตอนนี้สิ่งที่อยากทำเพิ่มเติมในส่วนการช่วยเหลือ เกี่ยวกับน้ำท่วมก็คือการปรุงอาหารหน้างาน หรือตรงพื้นที่นั้นเลยเพราะคนเราไม่สามารถทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือปลากระป๋องได้ตลอดเวลา เราจึงอยากที่จะทำในส่วนนี้ก่อน และถ้าคนอยากจะช่วยเหลือก็สามารถร่วมบุญกัน ไอจีของบุ๋มก็มีการอัพเดทตลอดเวลาเกี่ยวกับความช่วยเหลือต่างๆค่ะ ซึ่งตอนนี้ช่องทางหลักในการอัพเดทกับแฟนแฟนก็คือ Instagram และ Facebook สามารถมาพูดคุยและอัพเดทกันได้ค่ะ”
ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม boompanadda