สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ว่า ปัจจัยกระตุ้นล่าสุดที่ทำให้มัสก์ร่ำรวยขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึง การขายหุ้นของบริษัทสเปซเอ็กซ์ ซึ่งทำให้เจ้าตัวมีทรัพย์สินพุ่งขึ้นราว 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.6 ล้านล้านบาท)

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา หุ้นของเทสลายังพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุด ส่งผลให้มัสก์มีทรัพย์สินสุทธิเแตะมูลค่า 447,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15.1 ล้านล้านบาท) และเพิ่มขึ้น 62,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.1 ล้านล้านบาท) ภายในวันเดียว โดยถือเป็นมูลค่าซึ่งเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นคนแรกของโลก ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิถึงระดับดังกล่าว

นอกจากนั้น ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นของมัสก์ ได้ช่วยเพิ่มตัวเลขทรัพย์สินสุทธิของอภิมหาเศรษฐี 500 คนทั่วโลก ให้เกิน 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 338 ล้านล้านบาท) เป็นครั้งแรก ซึ่งตามข้อมูลของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) มูลค่าทรัพย์สินของมหาเศรษฐีกลุ่มนี้ มีขนาดใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนี ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เมื่อปีที่แล้ว

อนึ่ง นับตั้งแต่ต้นปี 2567 มัสก์มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 218,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.3 ล้านล้านบาท) ซึ่งสูงกว่ามหาเศรษฐีคนอื่นในกลุ่ม โดยมีหุ้นของเทสลาที่ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้น 71% ในปีนี้ ซึ่งราคาหุ้นปิดที่ 424.77 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 14,378 บาท) เมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด นับตั้งแต่ปี 2564.

เครดิตภาพ : AFP