สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ว่าสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) เปิดเผยว่า ในปี 2567 เมียนมาผลิตฝิ่นได้ 995 ตัน ซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้า เนื่องจากความขัดแย้งภายในประเทศ ที่เป็นผลสืบเนื่องจากการยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564
ทั้งนี้ การสำรวจของยูเอ็นโอดีซี พบว่า พื้นที่บางส่วนของรัฐฉาน ที่อยู่ทางตะวันออกของเมียนมา ซึ่งผลิตฝิ่นประมาณ 80% ของพืชผล ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ส่งผลให้เจ้าของไร่จำนวนมากทิ้งไร่ของตนเอง
"The amount of opium produced in #Myanmar remains close to the highest levels we have seen since we first measured it more than 20 years ago."
— UNODC Southeast Asia-Pacific (@UNODC_SEAP) December 12, 2024
– @UNODC Regional Rep @M_Karimipour
New report out today ➡️ https://t.co/W2CJsbhXRK pic.twitter.com/oGSnrckjQ8
นอกจากนั้น ปัจจัยจากการย้ายถิ่นฐานไปยังพื้นที่ห่างไกล รวมถึงฤดูมรสุมที่รุนแรง อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ปริมาณผลผลิตฝิ่นในเมียนมาลดลงด้วย
รายงานระบุอีกว่า แม้อุปทานส่วนเกินของตลาดเฮโรอีนในภูมิภาค และการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทานยาเสพติดทั่วโลก อาจทำให้ความต้องการในการส่งออกและราคาลดลง แต่ในปีนี้ยังถือเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่เป็นอันดับสอง ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และฝิ่นยังคงเป็นรายได้หลักของเมียนมา
ทั้งนี้ นายมาซูด คาริมปูร์ ผู้แทนยูเอ็นโอดีซีประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ระบุว่า มีความเสี่ยงสูงที่ผลผลิตฝิ่นจะขยายตัวออกไปจากเมียนมา เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานและวิธีการเพาะปลูกกำลังถูกปรับตัว.
เครดิตภาพ : AFP