ความเคลื่อนไหวการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค.2568 โดยมี 3 จังหวัดเป็นเจ้าภาพร่วม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี และ สงขลา นั้น ล่าสุด “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า แน่นอนว่าการแข่งขันมหกรรมซีเกมส์ 2025 ครั้งนี้ เป้าหมายของการแข่งขันคือการเป็นเจ้าเหรียญทอง ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เราพูดมาตลอดว่าในระดับซีเกมส์ ถ้าเป็นกีฬาสากลเราไม่กลัวใคร เราก็มั่นใจว่าเรายังเป็นผู้นำในอาเซียนอยู่ โดยเฉพาะการที่เราได้เป็นเจ้าภาพ แข่งขันที่ประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเป้าหมายของเราคือเจ้าเหรียญทอง แต่คุณภาพมาตรฐานในการจัดการแข่งขันจะต้องคงอยู่ จะต้องเป็นคลีนซีเกมส์ด้วย ต้องมีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ต้องสร้างความประทับใจให้กับนักกีฬาต่างประเทศด้วย ว่ามาประเทศไทยแล้วเราไม่เอาเปรียบ และจัดการแข่งขันได้มาตรฐานสากล แต่เรื่องของความได้เปรียบในเรื่องของสถานที่ ความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เป็นข้อได้เปรียบของประเทศเจ้าภาพอยู่แล้ว แต่ไม่ได้เอาเปรียบเรื่องของกฎกติกา เราไม่มีทางไปเปรียนกฎกติกาเพื่อให้เราชนะการแข่งขัน อันนี้เราต่อต้านเพราะต้องการให้เป็น “คลีนซีเกมส์”

“ในส่วนของพิธีเปิดการแข่งขันอยากที่จะทำนอกสนามกีฬา ซึ่งที่ผ่านมามีการหารือกับ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ ในการใช้พื้นที่ เนื่องจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย ไม่ได้เป็นเจ้าของพื้นที่ ต้องไปขอใช้พื้นที่ ซึ่งเราก็ทำเรื่องขอใช้พื้นที่ไปแล้ว ซึ่งที่เล็งไว้คือท้องสนามหลวง”
“บิ๊กก้อง” กล่าวต่อว่า แน่นอนว่าเมื่อเราไปจัดที่ท้องสนามหลวง นอกจากมิติด้านกีฬาแล้ว เราก็จะได้ในเรื่องการท่องเที่ยวด้วย ซึ่งก็ได้หารือกับนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แล้ว ว่าจะจับมือกันทำให้พิธีเปิดซีเกมส์ครั้งนี้ เป็นเวทีที่จะโฆษณาซอฟต์พาวเวอร์ทุกด้านของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร พิธีเปิดที่ท้องสนามหลวงก็จะมีด้านหลังเป็นพระบรมมหาราชวัง มีการโปรโหมดเรื่องของการท่องเที่ยวของทั้ง กทม. ชลบุรี และสงขลา ซึ่งเป็น 3 จังหวัดเจ้าภาพ
ผู้ว่าการ กกท. ระบุเพิ่มเติมว่า ทั้งหมดเป็นแนวคิด ยังไม่ได้คอนเฟิร์ม 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ได้มีการเสนอ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว ซึ่งท่าทีของท่านก็ให้การสนับสนุนเต็มที่ ที่จะใช่โอกาสนี้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจควบคู่กันไป รวมไปถึงนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ที่ให้ความสำคัญของคุณภาพชีวิตของนักกีฬา อยากให้ดูแลนักกีฬา ให้ความสำคัญของนักกีฬาเริ่มตั้งแต่นับถอยหลังเลย.