เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. พันเอกอภิชัย เรืองฤทธิ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ได้รับแจ้งจากกองร้อยทหารราบที่ 2521 จุดตรวจบ้านในวง ม.2 ต.ในวงเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง ซึ่งเป็นเส้นทางถนนสายรองพื้นที่ผ่านกลางแนวเทือกเขารอยต่อระหว่าง ระนอง-ชุมพร ขณะสนธิกำลังร่วมตั้งจุดตรวจจุดสกัดร่วมกับ สภ.ละอุ่น และฝ่ายปกครองอำเภอละอุ่น ได้เรียกรถบรรทุกสินค้า 6 ล้อ ทะเบียน 70-4413 กำแพงเพชร ด้านหลังคลุมปิดทึบหลังคาด้วยผ้าใบในลักษณะคล้ายรถบรรทุกสินค้าขนส่งทั่วไป พบคนขับ นายฉกาจ อายุ 47 ปี สอบถามพูดคุยกับคนขับบอกมาใช้เส้นทางนี้เพื่อหลีกน้ำท่วมเส้นทางถนนเอเชีย สาย 41 แต่มีพฤติกรรมน่าสงสัยจึงเชิญตัวลงจากรถมาพูดคุย สุดท้ายให้การยอมรับสารภาพโดยดีว่าท้ายรถได้บรรทุกแรงงานต่างด้าวมาจำนวนหลายสิบคน
เจ้าหน้าที่จึงให้คนขับเปิดผ้าใบคลุมหลังคารถร่วมกับทหารประจำจุดตรวจมีการต่อรองขอคุยเจรจาด้วย แต่ทหารประจำจุดยืนยันด่านทหารไม่มีการคุย จากนั้นทำการเปิดผ้าใบคลุมรถเพื่อตรวจสอบภายในท้ายกระบะรถ 6 ล้อคันดังกล่าวพบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 68 คน เป็นชาย 39 คน หญิง 29 คน นั่งเบียดกันมาเต็มคัน ก่อนที่จะให้ทุกคนลงจากรถมานั่งเรียงแถวหน้าจุดตรวจเพื่อทำการตรวจสอบ

จากการสอบถามเบื้องต้นนายฉกาจ คนขับรถ ให้การรับสารภาพว่า ได้นำพาแรงงานดังกล่าวมาจาก อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร และจะนำไปส่งปลายทางในพื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา แล้วจะมีนายหน้าในขบวนการมารับเพื่อนำพาไปส่งยังประเทศมาเลเซียอีกทอดหนึ่ง โดยได้รับค่าจ้างบรรทุกคนล่วงหน้า 50,000 บาท และจะรับเงินส่วนที่เหลือเมื่อถึงปลายทาง แต่เนื่องจากถนนเส้นทางหลักขาล่องใต้ชุมพรมีน้ำท่วมขัง ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ จึงเปลี่ยนมาใช้เส้นทางสายรอง หมายเลข 4109 บ.ในวง – บ.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร เพื่อขับอ้อมเส้นทางน้ำท่วมจนมาถูกจับกุมได้
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้นำพาและแรงงานดังกล่าวส่ง สภ.ละอุ่น พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาคนขับชาวไทยว่า “ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม” และแจ้งข้อหาแรงงานต่างด้าวว่า “เป็นบุคคลต่างด้าว หลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมดำเนินการคัดกรองเพื่อหาข้อบ่งชี้จากการค้ามนุษย์ ตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป