เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. พล.ท.อนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาคที่ 4/รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุดินสไลด์ทับที่พักคนงานในพื้นที่กำลังก่อสร้างอาคารริมเนินเขา ซอยหิมะทอง หมู่ 1 ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีผู้เสียชีวิตเป็นแรงงานชาวเมียนมา 2 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุได้มีคำสั่งไปยัง พ.อ.ดุสิต เกสรแก้ว หน.ชุดตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4/กอ.รมน.ภาค 4 นำกำลังเจ้าหน้าที่เขาตรวจสอบ เพื่อหาสาเหตุการเกิดดินถล่ม และนำรายงานผลการตรวจสอบรายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำในอนาคต
เจอแล้ว! ร่าง 2 หนุ่มถูกดินสไลด์ทับดับสลด ขณะนอนหลับอยู่ในแค้มป์เกาะสมุย

ขณะที่ พ.อ.ดุสิต เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุทางกายภาพโดยรอบ พบเป็นพื้นที่ลาดชันสูง ลาดลงสู่พื้นล่างระหว่างช่องเขา พบอยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคาร รีสอร์ท โรงแรม จำนวน 5 อาคาร จากลักษณะการก่อสร้างอาคารมีความสูงเกินกว่า 6 เมตร ลักษณะของพื้นที่เกิดเหตุ พื้นดินชั้นบนมีลักษณะเป็นดินแดงปนทรายมีวัชพืชปกคลุมเล็กน้อย พื้นดินชั้นกลางมีลักษณะเป็นดินกรวด และพื้นดินชั้นล่างมีลักษณะเป็นพื้นหินอัคนี ตรวจพบการขุดปรับดิน ทำถนนคอนกรีตเสริมเหล็กขึ้นสู่พื้นที่ลาดชันสูง กว้างประมาณ 4.5 เมตร ซึ่งการก่อสร้างอาคารวิลล่า และถนน กีดขวางทางน้ำของลำรางสาธารณะ ปรับเปลี่ยนเบี่ยงเบนทิศทางการไหลของน้ำของลำรางสาธารณะ ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายของที่พักคนงานที่เกิดเหตุแผ่นดินถล่ม จนทำให้แรงงานเมียนมาเสียชีวิต 2 ศพ

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบจากภาพถ่ายดาวเทียม ย้อนอดีตบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ พบว่าพื้นที่เกิดเหตุ เริ่มมีการถากถางปรับพื้นที่ในการเตรียมการก่อสร้าง เมื่อปี 2565 มีการปรับพื้นที่ ตัดดิน เพื่อทำถนนคอนกรีตขึ้นไปยังพื้นที่ยอดเขา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ลาดชันสูงเกินกว่าร้อยละ 50 เป็นพื้นที่ห้ามก่อสร้าง ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2557

ขณะที่การก่อสร้างอาคาร มีลักษณะเป็นกลุ่มของอาคารชุด ในลักษณะเป็น รีสอร์ท โรงแรม ในพื้นที่ลาดชันสูง ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลาดชันสูงเกินกว่าร้อยละ 35 สามารถสร้างได้เฉพาะอาคารเดี่ยวสำหรับพักอาศัย สูงได้ไม่เกิน 6 เมตร ขนาดพื้นที่อาคารคลุมดินไม่เกิน 80 ตารางเมตรต่อหลัง ที่ว่างไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของแปลงที่ดินที่ขออนุญาตก่อสร้าง ซึ่งจากลักษณะพื้นที่ที่ตรวจพบ มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่มีการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment – EIA) ในกรณีที่โครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด และต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายณัฐพร รักบำรุง ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 15-16 ธ.ค. ซึ่งในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี มีฝนตกหนัก ทำให้เกิดเหตุแผ่นดินถล่ม 2 จุด ในพื้นที่ อ.เกาะสมุย และ อ.เมือง มีผู้เสียชีวิต 3 ราย นั้น ในส่วนของกรณีพื้นที่ อ.เมือง ทั้ง 2 จุด อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหลังจากนี้ตนจะมีหนังสือ กำชับไปยังหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้ออกใบอนุญาตก่อสร้าง เพื่อขอความร่วมมือในการพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในพื้นที่ลาดชัน หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง

นายณัฐพร กล่าวอีกว่า ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ออกใบอนุญาตจะต้องลงพื้นที่เพื่อสำรวจสภาพความเป็นจริงของสถานที่ก่อสร้าง แล้วนำมาพิจารณาก่อนออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารให้กับผู้ประกอบการ โดยมาตรการที่เจ้าหน้าที่ผู้ออกใบอนุญาตจะต้องลงพื้นที่เพื่อสำรวจ สถานที่ก่อสร้างจริง จะบังคับใช้กับพื้นที่เสี่ยงภัยทั้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจะมีความเคร่งครัดมากมากขึ้น ในพื้นที่ อำเภอเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายใต้กฎกระทรวงเกี่ยวกับพระราชบัญญัติคุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2557

สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม ที่กรมทรัพยากรธรณี ประกาศให้เฝ้าระวังในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ประกอบด้วย อำเภอเกาะสมุย 7 ตำบล ประกอบด้วย ต.แม่น้ำ, อ่างทอง, ลิปะน้อย, ตลิ่งงาม, บ่อผุด, มะเร็ต และ ต.หน้าเมือง อำเภอเกาะพะงัน 2 ตำบล คือ ต.เกาะพะงัน และ ต.บ้านใต้ และ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ที่ ต.วัดประดู่ ข่าวรายว่า สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มในพื้น อ.เกาะสมุย ทั้ง 7 ตำบล ปัจจุบันมีการเปลี่ยนสภาพจากพื้นที่ป่าไม้เป็นการก่อสร้างอาคารวิลล่าเดินกว่าร้อยละ 50 และล่าสุด ได้เกิดเหตุดินถล่มในพื้นที่เขตการก่อสร้างอาคารวิลล่าบนที่ลาดชันร้อยละ 35 หรือพื้นที่ควบคุมตาม พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2557 ดังกล่าว