นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นจากฝ่ายบริการโดยสาร รฟท. ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการวิเคราะห์ผลตอบแทนโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศ บริการเชิงพาณิชย์ พร้อมอะไหล่ 184 คัน และข้อมูลแวดล้อมเบื้องต้น อาทิ ทบทวนค่าโดยสาร โดยการเปรียบเทียบคู่แข่งทางถนน เส้นทางการเดินรถ และผลตอบแทนด้านการเงิน ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือสภาพัฒน์ โดยเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการของ รฟท. (Management Committee : MC) และคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง (Executive Committee :Excom) ของ รฟท. ก่อนเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด) รฟท. พิจารณาต่อไป

นายวีริศ กล่าวต่อว่า หากที่ประชุมบอร์ด รฟท. เห็นชอบ คาดว่าประมาณเดือน มี.ค.68 รฟท. จะสามารถเสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติโครงการต่อไป อย่างไรก็ตามนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ได้เร่งรัดให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดยขบวนรถใหม่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ รฟท. จะพยายามผลักดัน เพื่อเร่งจัดหารถมาทดแทนรถเก่า และนำมาให้บริการประชาชน ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการขนส่งเชิงพาณิชย์ และรองรับการเปิดให้บริการทางคู่ทั่วประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

รายงานข่าวแจ้งว่า ปัจจุบัน รฟท. อยู่ระหว่างการสืบราคาการจัดหารถโดยสารฯ เพื่อให้ทราบราคาและหรือแหล่งวัสดุก่อสร้าง ที่มีความเป็นปัจจุบัน และสอดคล้องกับราคาวัสดุก่อสร้างที่เป็นจริง โดยส่งหนังสือสอบถามไปยังผู้ผลิตรถไฟประเทศต่างๆ อาทิ เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น และประเทศในทวีปยุโรป คาดว่าจะสามารถสรุปนำเสนอที่ประชุมMC ได้ประมาณเดือน ม.ค.68 จากนั้นจะเสนอบอร์ด รฟท. ในช่วงประมาณเดือน ม.ค.-ก.พ.68 ก่อนเสนอกระทรวงคมนาคม และส่งเรื่องรับฟังความคิดเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สภาพัฒน์, สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติก่อนส่งเรื่องเข้า ครม. จากนั้นจึงจะเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณาต่อไป เบื้องต้นจะใช้งบประมาณในปี 2569 (ต.ค.68-ก.ย.69) ในการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศ ซึ่งจะเป็นระบบไฮบริด ตามความคิดเห็นของสภาพัฒน์ที่ให้ใช้พลังงานทางเลือก

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เนื่องจากโครงการนี้มีการจัดทำมาเป็นเวลานาน ส่งผลให้อาจจะต้องมีการปรับกรอบวงเงินเพิ่มเติมด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้วงเงินโครงการอยู่ที่ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามหากสามารถเสนอโครงการฯ ต่อที่ประชุม ครม. ตามแผนงานที่ รฟท. วางไว้ประมาณเดือน เม.ย.68 และหาก ครม. เห็นชอบ ก็จะดำเนินการจัดทำเอกสารการประกวดราคา และเปิดประกวดราคาหาผู้รับจ้าง คาดว่าจะได้ผู้ชนะการประมูล รวมทั้งลงนามสัญญาได้ประมาณปลายปี 68 โดยการจัดหารถโดยสารฯ จะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี.