ทำเอาหลายคนเป็นห่วงหนักมาก หลังล่าสุดหนุ่มหล่อ เอส กันตพงศ์ พระเอกและพิธีกรมากฝีมือที่มีอาการป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน หมดสติหยุดหายใจกว่า 40 นาที ความทรงจำเหลือ 20% ก่อนที่จะหายดีกลับมาลุยงานในวงการในฐานะพิธีกรรายการดัง
ล่าสุด จู่ๆ อาการป่วยของหนุ่มเอส เกิดกำเริบขึ้นอีกครั้งซึ่งหมอยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด โดยหนุ่มเอส ได้เผยถึงวินาทีเฉียดตาย พร้อมทั้งเผยเฤกษ์บวชที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ว่า
“ก็คือเป็นการที่ตั้งใจมานานแล้ว แต่มีอีกเรื่องที่ทุกคนยังไม่ทราบพอดีผมกำลังเก็บรวบรวมข้อมูล คือผมเข้าโรงพยาบาลรอบที่ 2–3 เครื่องกระตุ้นหัวใจทำงาน ความจริงคือทำงานไปอีกครั้งก็คือวันที่ 19 พฤศจิกายนและผมก็อยู่โรงพยาบาลถึง 28 พฤศจิกายนเลย ปกติผมก็นึกว่าเครื่องทำงานนิดเดียว ไม่เป็นไรแต่รอบนี้เครื่องทำงานแล้ว พอถึงโรงพยาบาลห้องฉุกเฉินหัวใจหยุดทำงาน หยุดเต้น แต่โชคดีที่ถึงห้องฉุกเฉินพอดี จำไม่ได้ว่าคุณหมอใช้เครื่องอะไรเพื่อให้หัวใจกลับมาทำงานเหมือนไม่ให้เสียชีวิตโดยที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ พอผมตื่นขึ้นมาถามคุณหมอว่าจะเริ่มทำหรือยัง คุณหมอบอกว่าหัวใจหยุดเต้นไปนานแล้ว ผมเลยบอกว่าเพิ่งทราบ
ก็เลยทำให้รู้สึกว่าที่วางแผนอยากจะบวชไว้ ก็เลยตั้งใจว่าจะบวชตรงกับวันที่ออกมา ซึ่งกลับจากโรงพยาบาล 28 พฤศจิกายน ก็ตั้งใจ 28 ธันวาคมนี้ครับจะบวช ความจริงวางแผนเรื่องการบวช จะไปบวชที่อินเดียแล้วก็เข้าโรงพยาบาลก่อนไปบวชอินเดียประมาณวันสองวัน ก็เลยเลื่อนที่อินเดียไป แล้วพอเลื่อนไปสักพักก็มีเหตุเกิดขึ้นอีก ก็เลยรู้สึกว่ารอบนี้ขอให้ไม่เกิดเหตุอะไรดีกว่า ผมตั้งใจอยากจะบวชจริงๆ”
“ความน่ากลัวมันขนาดไหน ถ้าน่ากลัวกับเจ้าตัวจะน้อยกว่าญาติกับคนรอบข้าง ถ้าเทียบความน่ากลัวก็เท่ากับรอบแรกเลยที่สยามพารากอน ก็คือไม่รู้สึกตัวจำอะไรไม่ได้เลย ก็เหมือนที่ผมเล่าไปตอนต้น คือตอนอยู่โรงพยาบาลไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเขาต้องมาใช้เครื่อง ก็คือหลับไปโดยไม่รู้ตัวเหมือนรอบแรกเลย ตอนเข้าโรงพยาบาลหัวใจเต้นประมาณเกือบ 200 แล้วก็ไปหยุดเต้นที่โรงพยาบาล ซึ่งผมไม่ทราบเลย ต้องถามคุณแม่ ว่าหยุดไปนานแค่ไหน ผมไม่ทราบเลย แต่โชคดีอย่างที่ผมบอก ไปหยุดตอนที่อยู่ห้องฉุกเฉินแล้ว คุณหมอก็รีบเข้ามาทำเลย แต่ตอนที่ทำผมไม่รู้ตัวนะว่าผมเพิ่งถึงคือจำไม่ได้เลย แต่เขาบอกว่ามาอยู่นานแล้ว ภาพที่ลืมอาจจะไม่มีเหมือนรอบที่แล้ว เพราะรอบนี้โชคดีที่เกิดเหตุในห้องฉุกเฉินเลย คือก่อนไปโรงพยาบาลอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ เกิดเหตุที่บ้านเลยรีบไปที่โรงพยาบาลเข้าห้องฉุกเฉินและไปเกิดเหตุอีกทีที่ห้องฉุกเฉิน”

เอส เผยต่อว่า “สาเหตุตอนนี้หมอให้น้ำหนัก 2 อย่าง อันหนึ่งก็เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วไม่สามารถพูดได้ อีกอันหนึ่งคุณหมอให้น้ำหนักไปที่กรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นข้อมูลใหม่เลย และข้อมูลใหม่อีกอันหนึ่ง ตอนแรกที่ออกข่าวว่าผมหยุดหายใจไป 40 นาที ผมเพิ่งไปโรงพยาบาลตำรวจมา คุณหมอบอกคุณไม่ได้หยุดหายใจไป 40 นาที คุณหยุดไปประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าเกือบ 40 นาที ผมก็ตกใจ แล้วคุณหมอก็ให้ดูว่าผมหยุดหายใจไปจริงๆ 2 ชั่วโมงกว่า งงมากๆ เหมือนกัน แต่คุณหมอก็ให้ดูค่าตรวจ แต่โชคดีที่ค่าทำงานของสมองผมมันดีเกินค่าเฉลี่ยไปประมาณหนึ่ง คุณหมอก็เลยให้น้ำหนักถามว่าเป็นเพราะคุณนั่งสมาธิใช่ไหม ปฏิบัติธรรมหรือเปล่า ผมก็บอกว่าใช่ครับ คุณหมอเลยให้ดูเหตุผลที่ถามเพราะอะไร อันนี้คือรอบแรกซึ่งผมให้ข่าวไปว่า 40 นาที 40 นาทีคือข้อมูลแค่ว่าจากสยามพารากอนไปที่โรงพยาบาลแค่นั้น แต่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าผมไปหยุดด้วยที่โรงพยาบาล”
(จริงๆ พอเป็นกรรมพันธุ์ไม่สามารถควบคุมได้เลยใช่ไหม) “เป็นคำถามที่ดี เพราะผมถามคุณหมอยาวมากเป็นเหตุผลที่ผมอยากจะรีบบวช เพราะคุณหมอบอกว่าอาจจะเกิดอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ล่าสุดที่ไป คุณหมอถามว่าผมทานอาหารยังไง ทานวิตามินอะไรไหม ใช้ชีวิตยังไงบ้าง เพราะค่าทุกอย่างที่ตรวจมาทำงานปกติหมดเลย สมอง หัวใจ ท้อง กล้ามเนื้อ ทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปกติเลย คุณหมอก็เลยพยายาม ให้น้ำหนัก 2 อย่าง อย่างที่บอกไป แต่ผมก็ยังสงสัยว่าเป็นกรรมพันธุ์แล้วทำไมแม่กับน้องที่มีกรรมพันธุ์เหมือนกันไม่เป็นเหมือนผม ถ้าอย่างนั้นแสดงว่ามันต้องมีพฤติกรรมอะไรที่มันไม่ถูกกับกรรมพันธุ์นี้อย่างเช่นผมชอบออกกำลังกาย ชอบทำกิจวัตรที่อาจจะไม่เหมือนแม่กับน้อง แต่คุณหมอก็ยังไม่ให้น้ำหนักตรงนี้เท่าไหร่ หมายถึงว่ายังไม่สามารถหาข้อสรุปที่จะไปแก้ตรงนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ก็มีการทำรักษาอีกประเภทหนึ่ง ในโรงพยาบาลนั้นมีที่เดียวที่ทำ เป็นแบบว่าการทำยาวนานมาก หลายชั่วโมง เพิ่งทำไปนี่เองแต่ยังไม่ได้บอก ใส่เสื้อเกราะ แล้วทำไป หลังจากออกมาเขาก็เขียนแล้ว การแจ้งเตือนอาจจะมีการผิดปกติ ก็คือเสียงจะหาย พูดไม่ชัด เบลอ ปวดหัว ที่ผมหายไป 2 อาทิตย์คืออย่างนั้นหมดเลย ฟื้นฟู”

เอส เล่าต่อว่า “ถามมีความกังวลไหมถ้าบวชอยู่ แล้วเกิดอาการนี้ ไม่กังวล กังวลมากกว่าว่าจะเป็นก่อนไม่ได้บวช เพราะผมอยากบวชตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว แต่ถ้าบวชแล้วถามว่ากังวลไหม สบายใจด้วยซ้ำ ถ้าจะเป็นตอนบวชเป็นพระอยู่ จะรู้สึกว่าดีใจจังได้ทำตามฝันสักทีตอนนี้ยังมีเครื่องครับ แต่ว่าเครื่องมันทำงานไปผมหยุดหายใจรอบที่ 1 ที่สยามพารากอนและทำงานอีกทีตอนที่ผมโพสต์ในอินสตาแกรม และทำงานอีกทีรอบที่ 3 ที่ผมยังไม่ได้โพสต์ ไม่ได้บอกใคร และไปทำงานอีกทีรอบที่ 4 ที่โรงพยาบาล แต่มันทำงานไม่ไหว ไม่ทัน ก็เลยต้องไปใช้เครื่องที่โรงพยาบาล ถามว่าดีไหม ไม่ดี เพราะเครื่องทำงานเยอะขึ้นไปเรื่อยๆๆ มันก็เหมือนรถยนต์ที่เราขับมานาน คุณภาพมันก็จะลดไป ซึ่งคุณภาพของเครื่องมือก็ลดไปตามการใช้งาน มันใช้งานเยอะเกินไปแล้ว คุณหมอก็บอกว่าให้ดูสัก 3 เดือนหลังจากนี้ ถ้าสมมุติมันทำงานอีก มันไม่ดี ไม่ควรแล้ว ภายใน 1-3 เดือนไม่ควรมีการทำงานอีก การแก้ไขยังไงตอนนี้อีกช้อยส์นึงน่าจะเป็นช้อยส์สุดท้ายคือการเปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนอีกวิธีหนึ่ง ใส่เครื่องอีกแบบหนึ่ง”
“ตั้งใจไว้ขั้นต่ำก็ 15 วัน ตามที่คุณแม่เขาเคยขอไว้ คุณแม่เขาอยากให้บวชอย่างน้อย 15 วัน ผมก็เลยบอกว่ายินดีเลย บวชตามความชอบ ผมอยากบวชตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ถ้าย้อนดูสัมภาษณ์ผมมาก่อน ผมเป็นคนอยากบวชแต่เด็กอยู่แล้ว แต่พอมาตอนนี้คุณแม่เขาเคยขอพรไว้ ขอไว้ 15 วัน ผมก็เลยบอกว่ายินดีเลย ก็คืองงว่าผมกำลังจะบินไปอินเดีย ผมเข้าโรงพยาบาลเฉยเลย คือตอนเด็กๆ อยากบวชตอนนั้นไม่ได้บวช เพราะแม่บอกว่าให้เรียนก่อน ก็เรียนก่อน พอตอนนี้จะบินไปอินเดีย จ่ายค่าตั๋ว จ่ายทุกอย่างเรียบร้อยไม่ได้ไป คือครอบครัวผมก็มีความเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับอะไรต่างๆ ถ้าสมมุติมีอย่างนั้นจริงก็มาอนุโมทนาบุญกับผมดีกว่า ให้ผมได้บวชเถอะ วันบวชผมก็ไม่เลือก วันสึกผมก็ไม่เลือก แล้วผมจะบวชที่วัดธรรมมงคล พระท่านก็บอกว่าแล้วแต่ผมเลยตามที่สะดวก ก็เลยไม่ได้เลือกใดๆ ทั้งสิ้น ก็เลือกแค่ว่าวันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม ตั้งใจจะบวชที่วัดธรรมมงคล ครอบครัวเขาก็ยินดีด้วย หมายถึงว่าคุณแม่จะได้สบายใจ แต่ทุกคนเวลาเจอผมก็จะถามอย่างเดียวเลยว่าฤกษ์สึกเมื่อไหร่ วันไหน ถ้าจะให้คุณแม่สบายใจคุณแม่ขอไว้ว่า 15 วัน อาจจะขอคุณแม่บวกสักหน่อย (ยิ้ม) แต่บวกเท่าไหร่ไม่รู้นะ ผมอาจจะขอบวกเป็นเดือน สุดท้ายคุณแม่อาจจะขอแค่ 2 วัน หรือเปล่าอันนี้ไม่รู้ยังไงก็เชิญทุกท่านวันเสาร์ที่ 28 ธันวาคมนี้ ที่วัดธรรมมงคล ฤกษ์บวชขั้นต้นก็จะเริ่มประมาณ 8-9 โมง ยังไงผมจะอัปเดตให้ทุกคนทราบ”



ขอบคุณภาพประกอบจาก:s_kantapong