ในเดือนนี้มีรายงานที่เพิ่งได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์ Nature ซึ่งเผยว่า มี 3 ช่วงวัยของมนุษย์ที่สมองจะแสดงสัญญาณว่าแก่ตัวหรือเสื่อมลงสูงสุด โดยนำข้อมูลที่ได้จากการสแกนสมองของผู้ใหญ่จำนวน 10,000 คนมาวิเคราะห์ พร้อมกับค้นหาลักษณะการเปลี่ยนแปลงของโปรตีนในเลือดของพวกเขา

พวกเขาได้ระบุโปรตีนในเลือด 13 ชนิดที่เกี่ยวข้องกับ “Brain age gap” (ช่องว่างระหว่างอายุสมองตามปฏิทินหรือตามตัวเลขบอกอายุและอายุสมองตามสภาพที่แท้จริง) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การเสื่อมถอยของความสามารถในการรับรู้ และพบว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับอายุและความแก่ตัวของสมองจะถึงจุดสูงสุดเมื่ออายุ 57, 70 และ 78 ปี 

แต่ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ยังพอจะมีวิธีชะลอกระบวนการเสื่อมของสมองได้

“การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพช่วยให้สมองแข็งแรงขึ้นและป้องกันการเสื่อมถอยของสมองได้” ดร.ลิซ่า ยัง นักโภชนาการที่ได้รับการรับรอง ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านโภชนาการที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าว

การรับประทานโปรตีนในปริมาณมาก เช่น ปลาที่มีไขมันสูงบางชนิด หรือพืชตระกูลถั่ว ถั่วเปลือกแข็ง และธัญพืชไม่ขัดสี สามารถชะลอการเสื่อมถอยในการรับรู้และปรับปรุงความจำได้ ผักใบเขียวยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นสำหรับสมอง 

มีกรณีศึกษาหนึ่งอ้างว่า การรับประทานวิตามินรวมทุกวันอาจเป็นวิธีง่ายๆ สำหรับผู้สูงอายุในการป้องกันการเสื่อมถอยของสมอง นอกจากนี้ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญยังนำเสนอหลักฐานว่า อาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเน้นผัก ผลไม้ ถั่ว และปลา สามารถช่วยให้สมองแข็งแรงได้แม้ในวัยชรา

“หากคุณต้องการรักษาความคล่องตัวและความสามารถของสมอง การลงทุนอย่างหนึ่งที่ควรทำก็คือการออกกำลังกายและใช้กล้ามเนื้อเป็นประจำทุกวัน” นักประสาทวิทยา คิม จอห์นสัน แฮตเชตต์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ “คุณอาจประหลาดใจเมื่อรู้ว่าการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยในแต่ละวัน สามารถลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมได้” 

การนอนหลับพักผ่อนก็จำเป็นต่อการทำงานและสุขภาพของสมอง การศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อปีที่แล้วพบว่า การนอนไม่พอสามารถทำให้สมองแก่ชราได้ และในทางกลับกัน การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7 ชั่วโมงทุกคืน ก็สามารถชะลอความแก่ชราของสมองได้ 

นอกจากนี้ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ยังส่งผลดีต่อสุขภาพสมองอีกด้วย ตามที่ ราเชลล์ ซัมเมอร์ส นักประสาทวิทยาและโค้ชด้านสุขภาพจิตกล่าว

“กิจกรรมที่ท้าทายสมองของคุณ เช่น การเรียนรู้ภาษาใหม่หรือเรียนรู้การเล่นเครื่องดนตรี สามารถเพิ่มประสิทธิภาพความจำได้” ซัมเมอร์ส กล่าวเมื่อต้นปีนี้ “กิจกรรมเหล่านี้กระตุ้นสมองและสามารถส่งเสริมการเติบโตของการเชื่อมโยงของระบบประสาทใหม่ๆ”

ในทางตรงกันข้าม ความเหงาสามารถส่งผลเสียต่อจิตใจได้ ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก ความเหงาส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมพอๆ กับการสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน ตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุที่มีความเหงาเรื้อรังอาจมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น และทำให้เนื้อสมองหดตัวลงได้อีกด้วย

ที่มา : nypost.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES