เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ในเพจเฟซบุ๊ก สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669 ได้มีการโพสต์ข้อความระบุว่า สพฉ. สั่งตรวจสอบ “อาสาสมัครชุดแดง” ตัดหน้ารับผู้ป่วยฉุกเฉิน นำส่งผิดโรงพยาบาล ทำเสียเวลารักษาหัวใจ 2 ชั่วโมง สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้รับการร้องเรียนจากญาติผู้ป่วยฉุกเฉินรายหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2567 โทรฯ แจ้งเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินผ่าน 1669 ซึ่งมีการประเมินอาการ ว่าเป็นเคสที่ต้องใช้รถพยาบาลขั้นสูงเข้าไปดูแล แต่กลับมีอาสาสมัครแห่งหนึ่ง ใส่ชุดสีแดง เข้าไปประเมินอาการ และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาล
ในขณะที่ญาติแจ้งว่าผู้ป่วยมีสิทธิการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ โดยได้แจ้งความประสงค์ขอให้ส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลใกล้เคียง เพื่อใช้สิทธิรักษาตามโครงการ UCEP ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่ แต่อาสาสมัครดังกล่าว กลับนำตัวผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาลย่านทองหล่อ ก่อนที่โรงพยาบาลย่านทองหล่อ จะแจ้งว่าผู้ป่วยมีอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เกินขีดความสามารถในการรักษา จึงต้องส่งตัวมาที่โรงพยาบาลตามสิทธิ และเข้ารับการผ่าตัดทันที
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใช้เวลาในการส่งตัวผู้ป่วยประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ป่วยสูญเสียโอกาสในการรักษาโรคหัวใจอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะกรณีของโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ที่ต้องการรักษาโดยเร็วที่สุด
เรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จึงสั่งให้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งกลุ่มบุคคลที่เข้าไปเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน และขั้นตอนการนำส่งตัวผู้ป่วยฉุกเฉิน เนื่องจาก สพฉ. ไม่สามารถปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ และเน้นย้ำการปฏิบัติงานชัดเจนว่า ไม่อนุญาตให้บุคคลซึ่งไม่ใช่ผู้ปฏิบัติการและไม่ได้รับการสั่งการจากหน่วยปฏิบัติการอำนวยการ เข้าช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน เพื่อป้องกันพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายและความปลอดภัยของทั้งผู้ปฏิบัติการและผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบการแพทย์ฉุกเฉินทั่วประเทศ

สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น สืบเนื่องจาก “เพจหม่อมถนัดด่า” ได้เผยเรื่องราวร้องเรียนจากผู้เสียหาย เกี่ยวกับ “อาสากู้ภัยรายหนึ่ง” ที่เลือกนำส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเอกชนที่ไกลจากที่พัก ทำให้ผู้ป่วยพลาดโอกาสการรักษา โดยเหตุเกิดขึ้นวันที่ 28 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 14.00 น. มีผู้ป่วยอาศัยอยู่ในคอนโดฯ เกิดอาการแน่นหน้าอก หายใจติดขัดอยู่ในห้องน้ำ ภรรยาได้ลงมาขอความช่วยเหลือที่นิติบุคคล น้องในนิติบุคคลได้โทรศัพท์ไปที่หมายเลข 1669
จากนั้น ก็มีรถอาสากู้ภัยของมูลนิธิแห่งหนึ่ง เข้ามารับผู้ป่วย ซึ่งทางญาติได้แจ้งกับทีมอาสาว่า ส่ง รพ. ที่ใกล้ที่สุดที่เป็นเอกชน โรงพยาบาลพระราม 9 (ห่างจากคอนโดฯ 1.8 กม.) หรือ รพ.พญาไท (ห่าง 4.3 กม.) แต่เมื่อภรรยาผู้ป่วยโทรฯ ไปสอบถามอาการ กลับพบว่าทีมอาสานำผู้ป่วยไปส่งที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ ที่อยู่ห่างออกไปไกล และด้วยอาการป่วยเฉพาะทาง รพ. จึงส่งต่อผู้ป่วย ไปรักษาตามสิทธิที่ รพ.ราชวิถี ญาติมาทราบภายหลังว่า ผู้ป่วยเสียเวลา 2 ชั่วโมง กว่าจะมาถึง รพ.ราชวิถี ทำให้มาถึง รพ. แล้วอาการหนัก เรื่องนี้ผู้ร้องเรียนมีข้อสังเกตว่า “….หาก รพ.เอกชน เลิกให้ค่าเคส ผู้ป่วยอาจได้รับการรักษาที่เร็วขึ้น…..”