สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ว่า ความขัดแย้งที่แพร่กระจายจากชายแดนของเมียนมาไปยังภูมิภาคส่วนใหญ่ของประเทศ ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากต้องอพยพออกจากบ้านเรือน เพื่อแสวงหาความปลอดภัยและตอบสนองความต้องการพื้นฐาน
สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (โอซีเอชเอ) คาดการณ์ว่า ประชากรมากกว่า 3.5 ล้านคน หรือคิดเป็นมากกว่า 6% ของประชากรทั้งหมด 57 ล้านคนทั่วเมียนมา ต้องพลัดถิ่น และประมาณ 1 ใน 3 เป็นเด็ก
????Our new Humanitarian Update is out!
— OCHA Myanmar (@ochamyanmar) January 3, 2025
As 2024 ends, #Myanmar faces record displacement, deepening crises & rising needs.
???? 3.5M displaced by year-end
⚠️Protection risks, food insecurity, & collapsing services
???? 2024 HNRP funded at just 36%
Read more: https://t.co/RkPl5CDPKX pic.twitter.com/uNK3sOGW5z
ส่วนตัวเลขของปี 2567 เพิ่มขึ้นเกือบ 1.5 ล้านคน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ขณะเดียวกัน แนวโน้มในปี 2568 จะ “เลวร้าย” เนื่องจากวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งเกิดจากความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้น ภัยพิบัติ โรคระบาด วัตถุระเบิดและทุ่นระเบิดที่ตกค้างเป็นวงกว้าง และการล่มสลายทางเศรษฐกิจของเมียนมา
ยูเอ็นประมาณการว่า ประชากร 19.9 ล้านคน ในเมียนมา หรือมากกว่า 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด จะต้องได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในปีนี้
ทั้งนี้ โอซีเอชเอเริ่มรณรงค์ ขอรับเงินทุน 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 37,949 ล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือผู้คนในหลายภูมิภาคบนโลกรวมราว 5.5 ล้านคน ในปี 2568 อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ดังกล่าว มักได้รับเงินไม่เพียงพอ.
เครดิตภาพ : AFP