ศูนย์อายุรกรรม โรงพยาบาลเวชธานี ออกมาให้ข้อมูลว่า ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงและช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ทำให้หลายคนอาจเป็นหวัด และมีอาการที่มักจะมากับหวัด คือ น้ำมูก ซึ่งสีของน้ำมูกนั้นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงระดับความรุนแรงของโรคหวัดได้ ดังนี้

  1. น้ำมูกใส
    น้ำมูกใสแจ๋วนับเป็นภาวะปกติที่ไม่ใช่สัญญาณบ่งบอกโรค เพราะปกติแล้วร่างกายจะผลิตน้ำมูกใสออกมาล้างฝุ่นและสิ่งสกปรกออกจากจมูก แต่ถ้ามีน้ำมูกใสออกมากกว่าปกติอาจเป็นสัญญาณของโรคภูมิแพ้
  2. น้ำมูกขาวขุ่น
    น้ำมูกสีขาวขุ่น อาจเป็นเพราะโพรงจมูกบวมจากการอักเสบเกิดและมีน้ำมูกขังอยู่ในโพรงจมูกเป็นเวลานาน หรือเกิดจากการขาดน้ำทำให้น้ำมูกเหนียวข้นกว่าปกติ สามารถแก้ไขได้ด้วยการดื่มน้ำให้มากขึ้น และออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้ระบบหายใจโล่งขึ้น
  3. น้ำมูกเหลือง
    น้ำมูกสีเหลืองใสหรือเหลืองข้น เกิดจากการติดเชื้อในโพรงจมูกและโพรงไซนัส จนระบบภูมิคุ้มกันร่างกายส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวมาทำลายเชื้อโรค แต่ถ้าน้ำมูกยังเป็นสีเหลืองนานเกิน 7 วัน ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับยารักษา
  4. น้ำมูกเขียว
    น้ำมูกสีเขียวคือระดับอาการติดเชื้อในโพรงจมูกรุนแรงขึ้นกว่าน้ำมูกเหลือง หรือมีอาการติดเชื้อในโพรงจมูกมานานกว่า 2 สัปดาห์ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
  5. น้ำมูกแดงหรือมีเลือดปน
    น้ำมูกสีแดงหรือมีเลือดปน ส่วนมากเป็นเพราะเส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกแตก ซึ่งเกิดจากการระคายเคืองหรือบาดเจ็บบริเวณจมูก การอักเสบในโพรงจมูก เยื่อบุจมูกแห้ง เนื้องอกในโพรงจมูก โรคหลอดเลือดชนิดต่าง ๆ รวมถึงการสั่งน้ำมูกแรง ๆ หากมีน้ำมูกปนเลือดหรือเลือดออกทางจมูกบ่อย ๆ หรือมีเลือดออกมากผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน

ดังนั้น หากน้ำมูกเป็นสีเขียวควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น ทั้งนี้ ไข้หวัดไม่ได้บ่งบอกด้วยสีของน้ำมูกเท่านั้น อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย หรือท้องเสีย แต่ถ้าอาการต่าง ๆ ยังไม่ดีขึ้นใน 2 – 3 วัน ควรรีบมาพบแพทย์ เพราะอาจมีความเสี่ยงเป็นโรคอื่นที่รุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดาได้