สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ว่าสภาแห่งชาติของสิงคโปร์มีมติ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผ่านกฎหมายมอบอำนาจให้ตำรวจ และสำนักงานกิจการพาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง กับการสอบสวนอาชญากรรมทางธุรกิจ สามารถระงับการทำธุรกรรมของบัญชีธนาคารใดก็ตาม หากพบเบาะแสหรือหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า เจ้าของบัญชีนั้นกำลังจะโอนเงินเข้าสู่บัญชีของแก๊งมิจฉาชีพ แม้เป็นการโอน “โดยสมัครใจ” ก็ตาม
ทั้งนี้ บุคคลซึ่งอยู่ภายใต้คำสั่งห้ามดังกล่าวจะไม่สามารถใช้งานบัตรเอทีเอ็ม ทำธุรกรรมระหว่างบัญชี และไม่สามารถขอรับบริการที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อได้ โดยจะทำได้เพียงการถอนเงินสดเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น
Singapore’s parliament passes a law allowing the police to control the bank accounts of individuals who are suspected to be the targets of scams https://t.co/MNs2GNg652
— Bloomberg (@business) January 7, 2025
อย่างไรก็ตาม เจ้าพนักงานสามารถใช้คำสั่งระงับการทำธุรกรรมของเจ้าของบัญชีได้สูงสุด 5 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 วัน
นางซุน เสว่หลิง ปลัดกระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ กล่าวว่า หนึ่งในวัตถุประสงค์ของการบัญญัติกฎหมายนี้ คือเพื่อเพิ่มเวลาให้แก่เจ้าพนักงาน ในการเตือนผู้เสียหายว่า กำลังตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพ และต้องยุติการทำธุรกรรม โดยเจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการระงับการทำธุรกรรมเป็นทางเลือกสุดท้าย หากไม่สามารถโน้มน้าวผู้เสียหายได้
ด้านฝ่ายค้านของสิงคโปร์วิจารณ์กฎหมายนี้ ว่าเข้าข่ายล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชน แต่สนับสนุน เนื่องจากเชื่อว่า เป็นหนทางเด็ดขาดที่สุดในเวลานี้ ที่น่าจะช่วยหยุดการโอนเงินของผู้ที่กำลังตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพได้
ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า กฎหมายของสิงคโปร์ในเรื่องนี้ “มีความเฉพาะตัว” และสิงคโปร์น่าจะเป็นประเทศแรกของโลก ที่เปิดทางให้พนักงานสอบสวนสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของประชาชน
อนึ่ง ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ระบุว่า การหลอกลวงออนไลน์สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าสูงถึง 650 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 16,490.45 ล้านบาท) เมื่อปี 2566.
เครดิตภาพ : AFP