จากกรณี เพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 2” โพสต์รูปภาพ เตียงผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้ามานอนรักษาตัว ที่ รพ.แห่งหนึ่ง ใน จ.เพชรบูรณ์ พร้อมระบุข้อความเชิงตั้งคำถามว่า รพ. คัดกรอง คัดแยก ผู้ป่วยโควิดพลาด หรืออย่างไร จนทำให้เกิดเคสผิดพลาดมีการรับผู้ป่วยใหม่เข้ามานอนรักษาในห้องผู้ป่วยรวม แล้วปรากฏว่า ผู้ป่วยรายนั้นติดโควิด-19 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้บรรดาผู้ป่วยรายอื่นที่รักษาตัวอยู่ รวมทั้งญาติผู้ป่วย ตกเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อขึ้นมาทันที ขณะที่ ผวจ.เพชรบูรณ์ ทันทีที่ทราบรื่อง ได้สั่งการให้ สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ เร่งตรวจสอบเป็นการด่วน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

สวดยับ รพ. ให้ผู้ติด ‘โควิด’ รักษาห้องผู้ป่วยรวม ผวจ.เพชรบูรณ์ สั่งสอบด่วนแล้ว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ต.ค. นพ.กมล กัญญาประสิทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์(สสจ.เพชรบูรณ์) เปิดเผยว่า ได้มีสอบสวนกรณีดังกล่าวเบื้องต้นแล้ว พบว่า มีการรับผู้ป่วยที่เข้ามารักษาเป็นชาย อายุ 74 ปี เข้ามารับการรักษาด้วยอาการมะเร็งปอด โดยก่อนหน้านั้นได้มีใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ที่บ้าน และเมื่อคืนวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้มีรถนำมาส่งที่ห้องฉุกเฉิน ในเบื้องต้นมีตรวจ ATK ปรากฏว่าผลเป็นลบ จึงได้นำเข้าไปรับการรักษาที่ห้องผู้ป่วยใน ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปในหอผู้ป่วยในได้มีสอบสวนโรคตามมาตรการทุกอย่าง หลังจากนั้นประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ภรรยาของผู้ป่วยได้เดินทางมาตรวจ เนื่องจากมีอาการคล้ายไข้หวัด เจ้าหน้าที่จึงสอบสวนในระบบการคัดกรองผู้ป่วย และมีตรวจ ATK ปรากฏว่ามีผลเป็นบวก ซึ่งหมายถึงติดเชื้อโควิด-19 ทาง รพ. จึงได้รีบแยกสามีของหญิงรายดังกล่าว ออกมาจากหอผู้ป่วยในไปอยู่ห้องแยกโรคทันที

จากนั้นได้ทำการตรวจด้วยวิธีแบบ RT-PCR ซึ่งก็ปรากฏผลยืนยันเป็นบวก ในเบื้องต้นจากการสอบสวนโรค ผู้ป่วยไม่ได้ให้ข้อมูลว่า ได้สัมผัสบุคคลอื่นหรือผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยง กระทั่งมาแจ้งภายหลังว่า มีบุตรเขยกลับมาจากกรุงเทพฯ จึงทำให้การสอบสวนโรคขาดข้อมูลนี้ไป ซึ่งถ้าหากผู้ป่วยให้ข้อมูลตั้งแต่ต้น ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลที่แท้จริง และนำไปสู่การคัดกรองที่เข้มข้นขึ้น จึงทำให้กลุ่มผู้ป่วยที่อยู่ในหอผู้ป่วยเดียวกันมีความเสี่ยงสูง จึงต้องมีตรวจหาเชื้อด้วยวิธี ATK และทำการกักตัว ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความลำบากและไม่สะดวก ทางสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ และรวมทั้งจะได้แจ้งให้ รพ. พื้นที่เกิดเหตุ ได้เข้าไปทำความเข้าใจกับญาติผู้ป่วยแล้ว