ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 (ผบก.สส.ภ.2) ได้แถลงผลการทลายเครือข่ายยาเสพติดโคเคน และจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาในเครือข่ายรวม 7 ราย โดยยึดทรัพย์รวมมูลค่า 12 ล้านบาท

สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านทัพไทย จ.สระแก้ว จับกุมหญิงไทยพร้อมด้วยของกลางยาเสพติด โคเคนจำนวน 9.8 กก. ขณะกำลังลักลอบขนเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยซุกซ่อนไว้ในกล่องนม และบรรจุอยูในกระเป๋าเดินทาง จนกระทั่ง กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ขยายผลทราบว่าขบวนการลักลอบขน “โคเคน” มีรูปแบบซุกซ่อนยาเสพติดโดยการกลืนลงท้อง มาจากทวีปแอฟริกาเข้ามายังราชอาณาจักรไทย ประกอบกับประเทศไทยมีการสกัดกั้นการนำเข้ายาเสพติดอย่างดี มีเครื่องเอกซเรย์ยาเสพติด กลุ่มเครือข่ายนี้จึงลักลอบลำเลียงโคเคนผ่านเมืองโฮจิมินห์และกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ผ่านประเทศกัมพูชาเข้ามายังประเทศไทย

อีกทั้ง เมื่อ “โคเคน” เข้ามาถึงเมืองไทยแล้ว จะมีมูลค่า 3,000 บาทต่อกรัม หรือกิโลกรัมละ 3 ล้านบาท จากการขยายผลทราบว่ามีตัวการใหญ่เป็นคนต่างชาติมีลักษณะผิวสี สัญชาติโกตดิวัวร์ และมีหญิงชาวไทยร่วมอยู่ในขบวนการ ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้าด้วย ซึ่งเครือข่ายนี้จะกระจายโคเคนไปจำหน่ายให้กับกลุ่มชนชั้นสูง ที่มีฐานะทางการเงิน ไฮโซ และนักเรียนนอก ซึ่งโคเคนถือเป็น “Club drugs” และเป็นยาเสพติดที่ใช้ตามสถานบริการต่างๆ ควบคู่กับการดื่มเหล้าและจัดปาร์ตี้ตามสถานที่ต่างๆ


จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 67 ขยายผลจับกุม MR.KOUAME BRUNO DJA “คูเม่ บลูโน่” หรือแพททริก สัญชาติโกตดิวัวร์ พร้อมกับพวก รวม 3 คน ในข้อหา “สมคบฯ ยาเสพติด” จึงได้ทำการยึดทรัพย์ทั้งหมด จำนวน 1.7 ล้านบาท และต่อมา เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 68 ได้ขยายผลจับกุม นายกีรติ ผู้ร่วมขบวนการที่เป็นคนไทยเพิ่มอีก 1 คน ข้อหา “สนับสนุนยาเสพติดฯ และฟอกเงินฯ” โดยนายกีรติ จะซื้อโคเคนจากชาวต่างชาติผิวสี และนำไปขายต่อให้กับลูกค้าในเครือข่ายของตนเอง จนร่ำรวยมีทรัพย์สินมากมาย มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท

สำหรับ “โคเคน” เป็นสารที่ได้จากธรรมชาติ โดยสกัดมาจากใบของต้นโคคา ซึ่งเป็นพืชที่มีถิ่นที่อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทอย่างแรงและมีคุณสมบัติเป็นยาชาเฉพาะที่ จัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 หากสูดผงยาเข้าจมูกจะออกฤทธิ์ภายใน 3-5 นาที หากเสพโดยการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ จะออกฤทธิ์ภายใน 15-30 วินาที โดยยาจะออกฤทธิ์อยู่ได้นาน 20-30 นาที

อีกทั้ง โทษทางกฎหมายนั้น “โคเคน” จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
1. ผู้ผลิต นำเข้าหรือส่งออก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 20 ปี หรือตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2 ล้าน ถึง 5 ล้านบาท
2. ผู้เสพต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน หรือถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ