สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ว่า นายราจา จูลี อันโตนี รมว.ป่าไม้อินโดนีเซีย กล่าวในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลจาการ์ตาต้องการเปลี่ยนพื้นที่ป่า 20 ล้านเฮกตาร์ ให้เป็นพื้นที่สำหรับการผลิตอาหารและพลังงาน ตลอดจนแหล่งน้ำสำรอง
นอกจากนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียยังระบุพื้นที่ขนาด 1.1 ล้านเฮกตาร์ ซึ่งสามารถผลิตข้าวได้มากถึง 3.5 ล้านตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการนำเข้าทั้งหมดของประเทศ เมื่อปี 2566 โดยราจา กล่าวเสริมว่า รัฐบาลวางแผนที่จะปลูกปาล์มน้ำมัน เพื่อเป็นแหล่งไบโอเอทานอลด้วย
Activists slam 'destructive' Indonesia forest conversion plan https://t.co/fJMUGvddwY
— eNCA (@eNCA) January 20, 2025
อย่างไรก็ตาม พันธมิตรการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ (เอ็นจีโอ) ด้านสิ่งแวดล้อม ระบุในแถลงการณ์ว่า แผนการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ขนาดเกือบ 2 เท่าของเกาะชวา ซึ่งเป็นเกาะหลักของอินโดนีเซีย และขัดแย้งกับเป้าหมายความมั่นคงด้านอาหารและพลังงานของรัฐบาลจาการ์ตา
“ข้อเสนอของรัฐบาล ทำให้เกิดความกังวลว่า พื้นที่ป่าจะถูกแผ้วถางมากขึ้น เพื่อปูทางไปสู่การปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของอินโดนีเซีย และเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญของการตัดไม้ทำลายป่าในหมู่เกาะ” กลุ่มนักเคลื่อนไหว กล่าวเพิ่มเติม
แม้กระทรวงป่าไม้อินโดนีเซีย และโฆษกของพล.ท.ปราโบโว ซูเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้แต่อย่างใด แต่ราจา ยืนกรานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ข้อเสนอของรัฐบาลจะไม่ทำลายป่า แต่เป็นการทำให้ป่าใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด ผ่านระบบวนเกษตร.
เครดิตภาพ : AFP