เรียกได้ว่าเป็นวันที่หลายคนรอคอยอย่างมาก สำหรับการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของประเทศไทย เมื่อคู่รัก LGBTQ+ ได้รับสิทธิในการจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือที่รู้จักในนาม กฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้

โดยเวลาประมาณ 08.00 น. ณ สำนักงานเขตพระนคร คู่รัก LGBTQ+ ที่ได้รับการบันทึกเป็นคู่แรกในการจดทะเบียนสมรสภายใต้กฎหมายใหม่นี้ ได้แก่ “พอร์ช-อภิวัฒน์ อภิวัฒน์เสรี” และ “อาร์ม-สัพพัญญู ปนาทกูล” นักแสดงและคู่รัก LGBTQ+ ชื่อดัง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้จัดพิธีฉลองมงคลสมรสกันมาแล้ว

พอร์ชเผยว่า “สำหรับฤกษ์ดีวันนี้ที่เราพากันมาจดทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการคือ เราปลื้มใจและมันก็เกินฝันว่าวันนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ ในวันที่ความรักของคนทุกคนได้รับการยอมรับให้มีคุณค่าเท่าเทียมกัน วินาทีที่จดปากกาลงในใบทะเบียนสมรสคือจะร้องไห้ น้ำตาซึม น้ำตาไหลออกมาเลย รู้สึกว่าเราฝันอยู่ใช่ไหม ที่เราได้จดทะเบียนเป็นคู่สมรสกันจริงๆ มันเกิดขึ้นแล้วในวันนี้ที่ประเทศไทย ซึ่งการมาจดทะเบียนสมรสในครั้งนี้เราได้มีการเตรียมเอกสารคือ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้านนำติดมาก็ดี และพยาน 2 คน บัตรประชาชนของพยานทั้งคู่ และก็ความรัก (ยิ้ม) ส่วนที่เลือกจดที่สำนักงานเขตพระนคร เพราะผมเกิดเขตพระนคร และเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่อยู่ในเขตพระนคร และสำหรับโมเมนต์หลังจดทะเบียนสมรสที่มีการโยนช่อดอกไม้ ผมว่าดอกไม้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการส่งต่อความรักให้ทุกคน คนที่ได้รับก็ยินดีด้วย ส่วนคนที่ไม่ได้รับก็ได้ความรักไปเหมือนกัน พอเรามีทะเบียนสมรสแล้ว เราก็ใช้ชีวิตคู่ต่อไปให้มั่นคงและปลอดภัย ผมเปรียบเสมอว่าทะเบียนสมรสอันนี้เหมือนเข็มขัดนิรภัยเวลาเรานั่งรถ เราเพิ่งได้รับอนุญาตให้รัดเข็มขัดนิรภัยนี้ได้ เราไม่รู้หรอกว่าเราจะได้ใช้มันไหมในอนาคต เราอาจจะลงจากรถไปโดยที่ไม่เกิดอะไรก็ได้ แต่ถ้าวันหนึ่งมันเกิดอะไรขึ้นแล้วเราต้องใช้มัน เราก็อุ่นใจว่า เราได้มีสิ่งที่ช่วยเหลือและประคับประคองเราอยู่ ซึ่งการจดทะเบียนสมรสกฎหมายก็จะคุ้มครองเราได้ และก็จะมีในเรื่องของการรับบุตรบุญธรรม เป็นการสร้างครอบครัวให้เติบโตไปอย่างสมบูรณ์ วันหนึ่งเราอาจจะมีพอร์ชอาร์มน้อยวิ่งไปมา ซึ่งเราก็วางแผนไว้ว่าเมื่อเราพร้อม ความพร้อมที่เราจะมีลูกเป็นสิ่งสำคัญในสังคมปัจจุบัน คือเราไม่ได้ปิดโอกาสตัวเองแต่เราต้องดูความพร้อมตัวเอง พร้อมเมื่อไรก็มี แต่จริงๆ เราก็น่าจะรีบมีได้แล้ว เพราะว่าอายุ (หัวเราะ) แต่ก็อยากมีทั้งคู่แหละ พอร์ชอาร์มตัวน้อยก็คงเป็นภาพที่น่ารักดี แต่เขาจะไม่ได้ตัวน้อยกับเราตลอดไป เราต้องดูแลเขาให้เติบโตขึ้นมาในสังคมปัจจุบันอย่างมีความสุข และอย่างปลอดภัยด้วย อีกทั้งยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับที่ประชาชนคนไทยยังต้องเรียกร้องกันต่อไป เพื่อให้ชีวิตในรุ่นต่อไปเติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งครั้งนี้เราต่อสู้กันด้วยความหวัง ผมมั่นใจว่า 20 ปีที่ผ่านมา ทุกคนที่ต่อสู้กันมาเพื่อโมเมนต์นี้วันนี้ ไม่ว่าเขาจะได้เห็นหรือยังไม่ได้เห็น หรือจากไปแล้ว ผมมั่นใจว่าเขาจะต้องดีใจมากที่วันนี้สำเร็จแล้ว

ซึ่งวันนี้คุณแม่ก็มาด้วย ท่านปลื้มมาก แม่เราทั้งสองคนก็ซัพพอร์ตความรักของเรามาตลอดเลย ท่านไม่เคยมองลูกเป็น LGBTQ+ ลูกก็คือลูก มีความรัก อยากมีครอบครัวท่านก็ซัพพอร์ต และการจดทะเบียนผมมองว่าเป็นคำมั่นสัญญาทางกฎหมายว่าเราจะซัพพอร์ตกันไปโดยที่มีกฎหมายคอยช่วยเหลือเรา ไม่ว่าจะเรื่องทำธุรกิจ สวัสดิการ หรือวันหนึ่งถ้าเราต้องการช่วยเหลือจากกฎหมาย นี่แหละคือสัญญาที่เรามีให้กัน ซึ่งวันแต่งงานเราสัญญาทางใจกันไปแล้ว และวันนี้เราก็มาสัญญาด้วยกันทางกฎหมาย ซึ่งก็อยากจะบอกว่ารักนะและก็ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมา และก็ทำให้ภาพที่สวยงามที่สุดที่เราคุยไว้ได้เกิดขึ้นจริง อยู่กันไปจนกลายเป็นคนชราด้วยกัน”

อาร์มเผยว่า “เอาจริงๆ มันเกินที่เราจะจินตนาการไปแล้วว่า มันจะมีวันนี้จริงๆ มันจะมีวันที่เราได้จดปากกาลงในใบทะเบียนสมรสกับคนที่เรารัก ซึ่งเป็นเพศเดียวกัน แล้วเมื่อคืนเรายังคุยกันอยู่ว่าไม่ตื่นเต้น แต่พอเอาจริงๆ ตั้งแต่ที่นั่งทำเอกสารใจมันเต้น แล้วเหมือนภาพในหัวมันย้อนกลับไปว่าวันนี้คือวันที่เราต่อสู้กันมาและวันนี้แหละที่ประชาชนคนไทยทุกคนรอคอย แล้วทุกคนจะได้เห็นว่าเรามีสิทธิเหมือนกับมนุษย์ทุกคน ซึ่งที่เลือกจดที่สำนักงานเขตพระนครเพราะอาร์มก็โตที่พระนครและก็เรียนธรรมศาสตร์มาด้วยกัน ซึ่งมันเป็นเขตที่เราทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตและผูกพันกัน และวันนี้เราได้จดทะเบียนกัน มันทำให้เห็นว่าความรักของเราได้รับการยอมรับ บางอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว มันเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ถามว่าไม่มีกฎหมายเรารักกันได้ไหม เรารักกันได้ แต่มันจะดีกว่าไหมถ้ามันมีกฎหมายมาคอยโอบอุ้มรองรับเรา ซึ่งการจดทะเบียนสมรสกฎหมายก็จะคุ้มครองเราได้ อันดับแรกเลย กฎหมายสมรสเท่าเทียมคุ้มครองสวัสดิการทางการแพทย์ เรื่องนี้สำคัญ อันดับสอง เป็นในเรื่องของมรดก เรื่องการทำธุรกิจ-ธุรกรรมร่วมกัน ส่วนภาพในหัวที่เราคิดว่าจะมีลูก คือจริงๆ เราชอบเด็ก รักเด็ก และตอนนี้ก็เลี้ยงหลานอยู่ และคิดว่าถ้าเรามีพอร์ชอาร์มตัวน้อยๆ มันก็น่าจะเติมเต็มชีวิตเราได้ดี แต่ก็อย่างที่พี่พอร์ชพูด ถ้ามีก็ต้องมีเมื่อพร้อม ต้องพร้อมจริงๆ

ซึ่งการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมที่วันนี้สำเร็จแล้ว ก็ต้องขอบคุณบรรพบุรุษของเรา ที่ต่อสู้กันมากว่า 20 กว่าปี ที่ได้มาในกฎหมายสมรสเท่าเทียม ต้องขอขอบคุณพวกเขาเหล่านั้น ถ้าไม่มีพวกเขาคอยสู้มาเพื่อเรา ก็คงไม่มีวันนี้สำหรับเราหรอก ซึ่งวันนี้แม่ของเราทั้งคู่ก็มาเป็นพยานในการจดทะเบียนครั้งนี้ ซึ่งท่านก็ถามเราต่อว่าได้เปลี่ยนนามสกุลไหม ใครจะเปลี่ยนหาใคร ก็เปลี่ยนนะ เดี๋ยวอาร์มจะเปลี่ยนมาใช้นามสกุลพี่พอร์ช ซึ่งวันนี้ก็อยากจะบอกพี่พอร์ชว่ารักพี่พอร์ชเหมือนกันและก็จะอยู่ข้างๆ ไปจนวันนั้นที่เราวางไว้และฝันไว้ ก็จะอยู่ข้างๆ ไปตลอด”