เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ภายหลังมาตรการคลายล็อกเปิดประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มร้านค้า สถานบันเทิง บาร์เบียร์ ย่านวอล์คกิ้งสตรีท พัทยาใต้ ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวราตรียามค่ำคืนยอดนิยมของเมืองพัทยามานานนับสิบปี ปัจจุบันแม้ว่าภาครัฐจะมีประกาศเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่พบว่าสถานประกอบการเหล่านี้ยังคงต้องปิดตัวไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการตามคำสั่งของราชการมาตั้งแต่ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ในรอบแรกหรือนานกว่า 2 ปีแล้ว

โดยพบว่าตลอดถนนทั้งสายกิจการถูกปิดลง เงียบเหงา และซบเซาเป็นอย่างมาก ขณะที่ผู้ประกอบการหลายรายจำต้องขึ้นป้ายให้เช่าอาคาร หรือขายกิจการ ส่วนผู้ประกอบการที่ยังคงอยู่ ก็จำเป็นต้องแบกรับการจ่ายค่าเช่ารายเดือน และค่าจ้างพนักงานมาโดยตลอด แม้ว่าทางเจ้าของอาคารจะมีลดราคาลงบ้างแต่คงต้องจ่ายเช่นเดิม แต่ก็มีเจ้าของอาคารหลายรายก็ไม่ได้ลดราคาให้แต่อย่างใด


ด้าน นายปฏิวัติ ราชการกลบ ผู้ประกอบการบาร์เบียร์แห่งหนึ่งย่านวอล์คกิ้งสตรีท พัทยาใต้  เปิดเผยว่า ในอดีตพื้นที่แห่งนี้ถือเป็นทำเลทองที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากปัญหาโรคโควิด-19 ทำให้ต้องปิดกิจการและทนกับสภาพความซบเซาของการท่องเที่ยวมานานกว่า 2 ปีแล้ว ปัจจุบันแม้จะมีเปิดประเทศไปแล้ว แต่ก็ยังไม่อนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเปิดสถานบันเทิงได้ ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังอย่างมาก และก็ยังไม่รู้ว่าการท่องเที่ยวของพัทยาจะฟื้นกลับมาเมื่อใด จึงอยากให้ภาครัฐเห็นใจและอนุญาตให้รูปแบบการท่องเที่ยวกลับมาเหมือนปกติ โดยทางสถานประกอบการก็พร้อมให้ความร่วมมือตามมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ 

อย่างไรก็ตามจากกรณีที่รัฐบาลได้ประกาศให้วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นวันเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม พบว่ามีผู้ประกอบการหลายรายจึงพยายามกลับมาปรับปรุง ตกแต่งร้านกันบ้าง แต่สุดท้ายก็กลับพบว่า ทางการไม่อนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเปิดสถานบันเทิงได้ จึงต้องพากันก้มหน้ารอรับชะตากรรมต่อไป ซึ่งนอกจากธุรกิจสถานบันเทิงต่างๆ แล้ว อาชีพอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ทั้งการขนส่ง รถสองแถว และร้านอาหาร เป็นต้น

ส่วนภาพรวมของการท่องเที่ยวในด้านอื่นๆ อย่างธุรกิจโรงแรมก็พบว่ายังไม่คึกคักมากนัก โดยสัดส่วนนักท่องเที่ยวในวันธรรมดาจะอยู่ที่ประมาณ 10% วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ประมาณ 30% และ 50-60% ในวันหยุดต่อเนื่อง โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้จะมีเปิดให้เข้ามาท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากนัก