เมื่อวันที่ 5 ก.พ. พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 สั่งการ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ทำหนังสือไปยังสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยและสื่อดังกล่าว ชี้แจงข้อเท็จจริง และให้พิจารณาแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้น จากการนำเสนอข่าวสารที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง สร้างความเสียหายต่อเมืองพัทยา ตำรวจพัทยา และตำรวจไทย

ขณะที่ พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ในฐานะโฆษกตำรวจ ภ.จว.ชลบุรี ชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอย่างมาก ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ไม่ได้กระทำกับชายชาวอังกฤษรายนี้ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด การเสนอข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหาย ความเข้าใจผิด โดยอาจยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน

โฆษก ภ.จว.ชลบุรี ยังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 67 นายแอนดรูว์อยู่ในอาการมึนเมา ส่งเสียงดังโวยวาย ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น และทำลายทรัพย์สินที่กั้นรถทางเข้า-ออกอัตโนมัติของที่พัก ไฮปาร์ค เรสซิเด้นซ์ เจ้าของจึงได้แจ้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเจรจาให้นายแอนครูว์ สงบสติอารมณ์ในที่เกิดเหตุ แต่ไม่สำเร็จจึงควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายที่ สภ.เมืองพัทยา โดยเจ้าของที่พักได้ดำเนินการขอเพิกถอนวีซ่าของนายแอนดรูว์ด้วย โดยหลังถูกปล่อยตัวออกมา นายแอนดรูว์ก็ยังกลับมาก่อเหตุอีกครั้งที่ที่พักเดิม ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจนเจ้าของห้องเช่าเกิดความหวาดกลัว และแจ้งตำรวจให้เข้าควบคุมตัวอีกครั้ง

หนังคนละม้วน! ผู้การชลบุรี ตั้งโต๊ะตอบโต้สื่อนอกตีข่าวฝรั่งเมืองผู้ดีโวยตำรวจไทย

“ตำรวจยืนยันว่าการจับกุมเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ที่ต้องรักษาความสงบ เนื่องจากได้รับแจ้งจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และทรัพย์สินเสียหาย และชายดังกล่าวมีอาการเมาอาละวาด ตำรวจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายคุมตัวดำเนินคดีเพื่อให้เกิดความสงบ ไม่ใช่เพียงเพราะเดินชนป้ายบอกทางตามที่เป็นข่าวในสื่อต่างประเทศรายงาน ส่วนเรื่องที่อ้างว่าบังคับให้จ่ายเงิน ก็ไม่เป็นความจริง ข้อเท็จจริงคือชายคนดังกล่าวได้พกทรัพย์สินของมีค่าติดตัวมา ตำรวจได้เก็บรักษาไว้เพื่อไม่ให้นำเข้าห้องควบคุมโดยทำเป็นบันทึกก่อนและหลังการรับทรัพย์สินคืนอย่างถูกต้อง และได้รับคืนไป หลังจากได้รับการปล่อยตัว ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวก็ได้ทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานทุกขั้นตอน” โฆษก ภ.จว.ชลบุรี กล่าว.