เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา อาจารย์และที่ปรึกษา วิชาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม และที่ปรึกษาคณะทำงานเพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าคณะทำงาน)  เขียนบทความ เรารู้หรือยังว่า กำลังสู้กับใคร ?  ในการปราบปรามขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์  มีเนื้อหาดังนี้

ปัจจุบัน องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์สู่รูปแบบ “อาชญากรรมในฐานะบริการ” (Crime-as-a-Service หรือ CaaS) ซึ่งเป็นการนำเสนอเครื่องมือและบริการสำหรับการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ให้กับผู้ที่สนใจทำงานกันเป็นไปในลักษณะหนึ่งของการลงทุนของนักลงทุนทั่วไป

โมเดลธุรกิจนี้คล้ายกับระบบแฟรนไชส์ในโลกธุรกิจทั่วไป โดยมีการแบ่งงานอย่างเป็นระบบ เช่น การสร้างเว็บไซต์ปลอม การปลอมแปลงบัญชี การจัดการบัญชีม้า และการฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล ความยืดหยุ่นของโมเดล CaaS ทำให้การปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้เป็นไปได้ยาก แม้ว่าจะสามารถจับกุมผู้บงการหลักได้ แต่โครงสร้างที่เป็นระบบแฟรนไชส์ทำให้มีผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว การเติบโตของ CaaS ทำให้อาชญากรรมไซเบอร์เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของข้อมูลและทรัพย์สินในโลกดิจิทัล

สถานการณ์ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และการค้ามนุษย์ที่ซับซ้อนและท้าทายอย่างยิ่ง แก๊งคอลเซ็นเตอร์และศูนย์หลอกลวง (scam compounds) ได้แพร่กระจายอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในเมียนมา กัมพูชา และลาว ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างหนักเนื่องจากปัจจัยหลายประการ เช่น ความสะดวกในการโอนเงินและการสื่อสารที่อาจไม่ปลอดภัยเพียงพอ และการขาดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในประเทศเพื่อนบ้าน           

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา

ที่น่าพิจารณาคือ ประเทศจีนและประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานปฏิบัติการในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาและกัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ การที่จีนแสดงความพร้อมในการร่วมมือกับไทยเพื่อปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องคำนึงถึงอธิปไตยของแต่ละประเทศ เพื่อป้องกันการแทรกแซงที่ไม่เหมาะสม ในบริบทนี้ รัฐบาลโดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นางสาว แพทองธาร ชินวัตร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ของไทย มีบทบาทสำคัญในการประสานงานและดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของจีน

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ยังมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อสนับสนุนการสืบสวนและป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี การผนึกกำลังระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้ ด้วยความร่วมมือที่เข้มแข็งและการดำเนินการอย่างรอบคอบ ประเทศไทยและจีนสามารถรับมือกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่ออธิปไตยของแต่ละประเทศ

Timeline จุดเริ่มต้นและการเปลี่ยนแปลงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์:
•ระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา: การหลอกลวงออนไลน์ผ่านคอลเซ็นเตอร์เริ่มขึ้นในไต้หวัน และขยายไปยังจีนและประเทศอื่น ๆ รวมถึงไทยและอินเดีย โดยในระยะแรกเป็นการดำเนินการขององค์กรอาชญากรรมแบบดั้งเดิม

•ประมาณ 8 ปีที่ผ่านมา: รัฐบาลจีนได้ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเข้มงวด ส่งผลให้ผู้กระทำผิดย้ายฐานปฏิบัติการไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค

•ประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา: การผสมผสานระหว่างบ่อนกาสิโนออนไลน์และศูนย์หลอกลวงทำให้เกิดการขยายตัวของอาชญากรรมออนไลน์ในภูมิภาคอาเซียน

ความท้าทายปัจจุบัน:
1.โครงสร้างองค์กรอาชญากรรมที่ซับซ้อน: แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้พัฒนาเป็นเครือข่ายที่มีการแบ่งงานอย่างชัดเจน ทำให้การปราบปรามยากขึ้น เพราะมันคือ องค์กร !!!

2.การฝังตัวในภูมิภาค: กลุ่มอาชญากรได้สร้างเครือข่ายและฝังรากลึกในประเทศเพื่อนบ้าน ใช้ประโยชน์จากความไม่เข้มงวดของกฎหมายในพื้นที่เหล่านั้น
3.การสนับสนุนจากภายใน: มีรายงานว่ากลุ่มอาชญากรบางกลุ่มได้รับการสนับสนุนจากบุคคลภายในประเทศ ทำให้การดำเนินการปราบปรามซับซ้อนยิ่งขึ้น

แนวทางปฏิบัติที่เสนอแนะ:
1.การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ: รัฐบาลไทยควรเพิ่มความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติทุกมิติ
2.การปรับปรุงกฎหมายและการบังคับใช้: ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์และการค้ามนุษย์ให้ทันสมัย และเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย

3.การเสริมสร้างความรู้และการป้องกันในสังคม: จัดทำแคมเปญให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมออนไลน์ และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย
4.การพัฒนาศักยภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง: เพิ่มการฝึกอบรมและทรัพยากรให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้

5.การติดตามและประเมินผล: จัดตั้งระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินงานเพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และเสริมสร้างคณะผู้เชี่ยวชาญทำงานต่อยอด

ด้วยการดำเนินการตามแนวทางเหล่านี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ประเทศไทยจะสามารถลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และการค้ามนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นคงปลอดภัยในสังคมดิจิทัลต่อไป

สำหรับ ผศ.ดร.นพดล  กรรณิกา เป็นอาจารย์และที่ปรึกษา วิชาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม และที่ปรึกษาคณะทำงานเพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) จบปริญญาเอก การจัดการวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, ปริญญาโท ความปลอดภัยทางไซเบอร์ มหาวิทยาลัยจอร์ชทาวน์ วอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา, ปริญญาโท การจัดการนโยบาย และ ยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอร์ชทาวน์ วอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา, ปริญญาโท วิทยาการข้อมูล (Data Science) และระเบียบวิธีวิจัยเชิงสำรวจ มหาวิทยาลัย มิชิแกน, ปริญญาโท สังคมวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาตรี รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง