สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ว่าเมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานว่า ที่ประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยาคลินิกและโรคติดต่อระดับทวีปยุโรป มีการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับเคสผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 หลายกรณี โดยหนึ่งในเคสที่มีการพูดถึงอย่างมาก คือกรณีหญิงอายุประมาณ 90 ปี ในเบลเยียม เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เมื่อช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
หญิงคนดังกล่าวซึ่งไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันแม้แต่เข็มเดียว ปรากฏว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดกลายพันธุ์ "สองสายพันธุ์ในเวลาเดียวกัน" นั่นคือ เชื้ออัลฟา ที่พบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร และเชื้อเบตาที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้  ขณะที่ผลการสอบสวนโรคบ่งชี้ว่า เธอน่าจะได้รับเชื้อจากบุคคลสองคน ซึ่งติดเชื้ออัลฟาและเบตา 
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้แต่ "มีโอกาสน้อยมาก" อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับไปเมื่อเดือนม.ค.ปีนี้ รัฐบาลบราซิลรายงานการพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 อย่างน้อย 2 คน ที่ติดเชื้อต่างสายพันธุ์ หนึ่งในนั้นคือเชื้อแกมมา ซึ่งพบครั้งแรกในบราซิล และแพร่ระบาดในหลายประเทศแถบลาตินอเมริกา
ปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญกำลังศึกษาอย่างละเอียด ว่าการติดเชื้อกลายพันธุ์ต่างชนิดพร้อมกัน จะส่งผลต่ออาการป่วยมากน้อยเพียงใด และมีผลประสิทธิภาพของวัคซีนแต่ละประเภทได้มากน้อยเพียงใด

อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ ทุกฝ่ายยังมีความเห็นไปในเดียวกันว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งใช้งานอยู่บนโลก ยังคงมีประสิทธิภาพเพียงพอรับมือกับเชื้อกลายพันธุ์ แต่ในเวลาเดียวกันกำลังมีการศึกษามากขึ้น เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการให้มนุษย์รับวัคซีน "เข็มที่สาม" หรือ "บูสเตอร์" เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้มากขึ้น.

เครดิตภาพ : AP